วันพุธที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2567

  

        เรียนรู้จากเกมส์แดงเดือดครั้งที่215


ภาพจาก siamsport.co.th

                                          ฟุตบอลพรีเมี่ยร์ลีกที่ได้รับความสนใจมากคือศึกแดงเดือดระหว่างแมมยูฯ vs ลิเวอร์พูล ซึ่งผลอย่างที่ทราบแมนยูฯเปิดบ้านแพ้ไป 0:3 ประตู.... บางคนยอมอดนอนดูเพื่อความสนุกหรือสะใจ..แต่บางคนก็ยอมเหมือนกัน แต่เมื่อเสียเวลาดูแล้วให้ได้ความรู้ประเทืองปัญญา..

                                           เราลองมาพิจารณาดูซิว่า ได้ข้อคิดเห็นอะไรจากเกมส์นี้บ้าง มุมมองแบบพื้นฐานน่าจะมีดังนี้..

                                          1.ตัวโค้ช...ด้านทัศนคติ การคาดการณ์ อ่านเกมส์ วางแผน และการแก้เกมส์.

                                     โค้ชของทั้งสองทีมน่าจะมีขีดความสามารถในระดับเดียวกัน..แต่มีการตัดสินใจที่แตกต่างกันอย่างเช่น...  โค้ช อาร์เนอ สล็อต ของลิเวอร์พูล พาทีมมาเยือนคาดการณ์ว่าทีมเจ้าบ้านต้องจัดหนักเปิดเกมส์รุกเต็มที่ ดังนั้นเน้นที่เกมส์รับแน่น สลับตัดบอลแล้วเล่นเกมส์โต้กลับ..ส่วนโค้ช เอริก เทนฮาก ของแมนยูฯ มองความได้เปรียบที่เป็นเจ้าบ้านมีแฟนบอลให้กำลังใจ และน่าจะประมาทมองว่าเคยพาทีมชนะได้ในตอนที่โค้ช เจอร์เก็น คล็อปป์ ผู้มากประสบการณ์ที่มีดีกรีระดับแนวหน้าคุมทีมอยู่มาแล้วจึงมั่นใจ จึงวางแผนการเล่นอย่างที่เคยใช้.

                                           2.ขุมกำลัง...

                                        ตัวผู้เล่นของทั้งสองทีม ชื่อชั้นดูเผินๆน่าจะใกล้เคียงกัน แต่ความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น 

                                              2.1)ผู้รักษาประตูอย่าง โอนาน่า มีดีอยู่ที่ใช้เท้าเล่นกับบอลส่วนการป้องกันประตูที่เป็นงานหลัก ศักยภาพสู้ อลิสัน ไม่ได้เลยซึ่งในเกมส์เซฟประตูได้ถึง 4-5 ครั้ง

                                              2.2)กองหลังของทั้งสองทีมขีดความสามารถใกล้เคียงกัน แต่กองหลังของแมนยูฯต้องทำงานหนักกว่าเพราะคู่เซ็นเตอร์แบ็คต้องเคลื่อนออกไปสอดช่วยพื้นที่หลังแบ็คทั้งสองด้านตลอดทั้งเกมส์ ทำให้เปิดโอกาสและพื้นที่บริเวณหน้าปากประตูให้มีช่องว่างให้กองหน้าลิเวอร์พูลโจมตี

                                              2.3)กองกลาง ทีมแมนยูฯ มีบรูโน, คาเซมิโร, ไมนู, และอีริคเซน เป็นหลัก..แต่บรูโนต้องช่วยเติมเพื่อสนับสนุนกองหน้า ส่วนคาเซมิโร และอีริคเซน อายุมากจึงช้าและไม่แข่งเกร็งพอ ส่วนไมนู ยังช้าทำได้แค่ไล่และพักบอลแถมยังอ่อนประสบการณ์ กองกลางจึงไม่สามารถทำเกมส์รุกกดดันได้

                                              2.4)กองหน้า ทีมลิเวอร์พูมีแต่ตัวท๊อปๆทั้งนั้น มีซาล่าห์, ดิอาโก โยต้า, หลุยส์ ดิแอส, ดาร์วิน นูเนซ, คอดี่ คัดโป, ซึ่งสามารถจัดสลับลงเล่นได้สองชุดเลยสามารถทำเกมส์รุกที่หลากหลายกดดันกองหลังแมนยูฯได้ตลอดเวลา ส่วนของแมนยูฯ มีราสฟอร์ด, โยชัว เซิร์กซี, การ์นาโช, และอามัด..แต่ไม่สามารถใช้ศักยภาพสร้างเกมส์รุกกดดันได้รวมถึงความเฉียบคมในการยิงประตูก็ยังน้อยกว่าด้วย

                                          3. การวางแทคติกการเล่น     

                                            แทคติกการเล่นเป็นปัจจัยสำคัญของโค้ชที่จะส่งให้ผลการแข่งขันออกมาดีหรือไม่อย่างไร มาดูแทคติกของทั้งสองทีมมีดังนี้

                                             3.1)ลิเวอร์พูลเป็นทีมเยือน การเก็บได้ 1 แต้มกลับไปก็ถือว่าดีแล้ว ดังนั้นจึงวางเกมส์ตั้งรับแล้วโต้สวนกลับจึงวางแผนการเล่น(หลัง กลาง หน้า) 4-3-3 แล้วเน้นกองหลังเล่นแบบตั้งรับลึกคุมพื้นที่หน้ากรอบเขตโทษให้เหนียวแน่น กองกลางคุมพื้นที่แดนกลางไล่ล่าแย่งตัดบอล กองหน้าโจมตีเกมส์รุกด้วยปีกทังสองข้างเป็นหลั  ก

                                             3.2)ส่วนแมนยูฯเป็นเจ้าบ้าน ต้องชนะหวังเก็บ 3 แต้มเป็นหลักวางผู้เล่นแบบ 4-3-3 เช่นกัน จึงเน้นเปิดเกมส์รุกเข้าใส่เต็มที่ตั้งแต่เริ่มต้นเกมส์ซึ่งทำได้ดีช่วง 10 นาทีแรก หลังจากนั้นเกมส์รุกไม่สามารถกดดันได้ ปีกทั้งสองด้านไม่สามารถทะลุทะลวงผ่านแบ็คเพื่อกดดันแนวรับได้เลย ทำให้บรูโน ต้องเคลื่อนจากพื้นที่กลางตัวรุกหลุดออกจากพื้นที่แดนกลางไปช่วยสนับสนุนปีกสลับไปมาทั้งสองด้าน จนทำให้หน้าที่หลักที่เป็นกลางตัวรุก ที่ต้องสนับสนุนการเข้าทำประตู เมื่อบอลผ่านเข้ามาจากด้านข้าง และบอลไดเร็กกับกองหน้าหน้าตัวเป้าจึงทำได้น้อยมาก ทำไห้เซิร์กซี เล่นอย่างโดดเดียว จึงขาดความมั่นใจแม้ว่ามีโอกาสยิงประตูจึงทำได้ไม่ดีและไม่เฉียบคมพอ

                                            3.3)แมนยูฯเน้นเกมส์โต้รุกกลับเร็วจาก ราสฟอร์ดและ การ์นาโช จึงหวังให้ คาซิเมโร เป็นคนเปิดบอลไกลให้ แต่สถานการณ์ไม่เป็นไปอย่างที่คิด เพราะกองหลังลิเวอร์พูลตั้งแนวรับต่ำจึงไม่เปิดพื้ที่ว่างหลังแนวรับให้ คาเซมิโร วางบอลไกลให้ปีกทั้งสองด้านได้เพื่อพาบอลทะลุไปยิงประตูได้เลย ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเมื่อ บรูโน หลุดจากพื้นที่แดนกลางทำให้หลือผู้เล่นแค่สองคนคือ คาเซมิโรกับ ไมนู  เมื่อคาเซมิโร หาจังหวะเปิดบอลไกลไม่ได้ก็ต้องครองบอลรอจังหวะ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับกองกลางของลิเวอร์พูลที่มีผู้เล่นมากกว่า วิ่งไล่ล่าดุดันเข้าแย่งบอลจาก คาเซมิโร ได้ถึงสองครั้งแล้วส่งบอลให้กองหน้าเข้าทำประตู

                                            3.4)เมื่อปีกทั้งสองข้างไม่สามารถสร้างเกมส์รุกผ่านแนวรับของลิเวอร์พูลไปได้ บางจังหวะแบ็คทั้งสองด้านของแมนยูฯจะเติมขึ้นไปช่วย แต่ก็ไม่ได้สร้างความกดดันอะไรเลย ทำให้แนวรับของกองหลังมีผู้เล่นเหลือน้อยลง และปีกทั้งสองด้านก็ไม่ถอยกลับลงมาช่วยกองกลางหรือกองหลังเมื่อสถานะการณ์เป็นเกมส์รับอีกด้วย ทำให้เซ็นเตอร์แบ็คทั้งสองคนต้องทำงานหนักมากไปด้วย ลิเวอร์พูลจึงมีพื้นที่ว่างและโอกาสในการกดดันเข้าทำประตูได้มากกว่า

                                            3.5)เมื่อได้ โอนาน่า มาทำให้แทคติกการทำเกมส์รุกจากแดนหลังทำได้อย่างมั่นใจ ซึ่งโอนาน่า เองเคยเปิดบอลระยะไกลให้กองหน้าทำประตูได้ด้วย(แต่เทคนิคในการป้องกันประตูทำได้ดีน้อยกว่า อลิสัน ของลิเวอร์พูลมาก)  ดังนั้นการขึ้นเกมส์ที่มาจากแนวหลังจึงทำบ่อยๆ แม้ว่าการเซ็ทเกมส์เป็นแท็คติกการครองบอลของทีมที่ดีก็จริง ซึ่งควรทำเมื่อทีมเป็นเกมส์นำหรือครองบอลเพื่อดึงผู้เล่นคู่ต่อสู้ ให้ตามขึ้นมาทำให้มีช่วงวางในการโจมตีมากขึ้น...สิ่งที่ทำถ้าทำถูกวิธีก็มีคุณ แต่ถ้าทำไม่ถูกวิธีก็จะมีโทษ..ดังนั้นการเซ็ทเกมส์ในแดนหลังหน้าปากประตูของตนเอง ถ้าพลาดเป็นอันตรายอันใหญ่หลวง ลิเวอร์พูลปล่อยให้กองหลังแมนยูฯเซ็ทบอลได้ในบริเวณหน้าประตู พอจ่ายบอลขึ้นมาแดนกลางก็จะถูกโจมตีไล่ล่าแย่งบอลทันที เหมือนที่คาเซมิโร และ ไมนู ถูกเบียดแย่งจนเป็นที่มาของการเสียทั้ง 3 ประตู..

                                          บทสรุปอย่างที่เห็นแมนยูฯได้เปรียบแค่เป็นทีมเจ้าบ้านมีแฟนบอลเข้ามาให้กำลังใจมากกว่า นอกนั้นไม่ได้เปรียบอะไรเลยผลการแข่งขันจึงออกมาอย่างที่เห็น....(โค้ชน่าจะต้องปวดหัว เพราะมีจุดบกพร่องที่ต้องปรับแก้หลายอย่าง สิ่งที่จำเป็นจะต้องสร้างความเข้าใจและฝึกซ้อมแทคติกซ้ำๆ จนคุ้นเคยมีความสัมพันธ์กันอย่างดีมากกว่านี้ รวมถึงให้นักจิตวิทยาช่วยสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองสำหรับผู้เล่นบางคนให้แสดงศักยภาพที่มีออกมาให้มากที่สุดด้วย   รูปเกมส์การเล่นของทีมจะสามารถเล่นกับทีมอื่นๆได้สนุกและผลการแข่งขันจะออกมาดีกว่านี้)                            

วันอังคารที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2567

แนวคิดใหม่เพื่อไปบอลโลก.

 

สร้างแนวคิดใหม่เพื่อไปบอลโลก

ภาพจาก www.sanook.com

                                            ไทยจะไปบอลโลก!! เราจะได้ยินคำนี้กันบ่อยๆ แต่มีบางคนพูดว่ามันเป็นเพียงความฝัน พอตื่นขึ้นมาก็เงียบหายไป....ความจริงมีความเป็นไปได้ถ้าคนไทยทุกภาคส่วนร่วมด้วยช่วยกัน..

                                             คงต้องเริ่มที่สมาคมฟุตบอลฯ ที่ต้องมีนายกฯและคณะทีมบริหารฯ ที่มีคุณสมบัติดังนี้..มีวิสัยทัศนกว้างไกล และใจกว้าง(ไม่ใช่หวังผลงานแค่ซีเกมส์หรือกลุ่มอาเซียนเป็นหลัก) ควรวางแผนแม่บทการพัฒนาฯระยะยาว 10 - 15 ปี ซึ่งภาระการพัฒนาอาจจะเกินวาระที่ดำรงตำแหน่ง แต่ไม่ว่าใครจะได้มาทำหน้าที่ก็ต้องสานต่องานตามแผนแม่บทที่กำหนดไว้ และกำหนดเป้าหมายที่ควรจะเน้นให้ชัด โดยกำหนดเป้าว่าเราต้องผ่านการคัดเลือกเข้าไปแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกให้ได้เป็นอันดับแรก ส่วนเป้าหมายการไปบอลโลกให้ความสำคัญรองลงมา...ทุกคนจะมองว่าข้อคิดนี้เพี้ยนไปหรือเปล่า?...

                                            ท่านต้องดูเหตุผลต่อไปนี้..

                                          1) ที่ผ่านๆมาเรามุ่งไปที่บอลโลกเป็นหลัก จึงทุ่มเทไปทีมชาติชุดใหญ่ ทั้งๆที่มาตรฐานและศักยภาพของผู้เล่นและทีมยังอยู่เพียงระดับอาเซี่ยนเท่านั้น

                                          2) ทีมที่ได้รับการพัฒนามักจะมีเพียงทีมเดียวที่ดูดีมีอนาคตในแต่ละช่วงเท่านั้น เช่นชุดดรีมทีม แล้วมาถึงชุดของธีราทร บุญมาทัน กับชนาธิป สรงกระสินธ์ เท่านั้น ซึ่งแต่ละช่วงจะห่างกัน จะเห็นว่าไม่มีผู้เล่นที่มีมาตรฐานดีพอเป็นทีมที่ฝากความหวังได้เลย

                                          3) ถ้าบังเอิญหรือโชคช่วยทีมได้หลุดเข้าไปเล่นในบอลโลกจริง เหมือนทีมฟุตบอลหญิงที่มีโชคไปบอลโลกถึง 2 ครั้ง ในแต่ละครั้งทีมและศักยภาพของผู้เล่นก็ยังต่ำกว่ามาตรฐานอีกมากซึ่งระยะต่อมาทีมเราก็มีโอกาสน้อยลง เพราะเรายังเตรียมการยังไม่ดีพอและไม่มีแผนพัฒนาที่เข้มข้นชัดเจน

                                          4) ถ้ากำหนดเป้าหมายต่ำลงมาก่อน มุ่งไปที่ระดับโอลิมปิก(ดูแล้วอาจจะทำให้ด้านงบประมาณขาดหายไปก็จริง) แต่แผนพัฒนาจะมุ่งเน้นไปที่ผู้เล่นเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 23 ปีในทุกระดับ(ตามแนวทางการพัฒนาจากศูนย์พัฒนาฟุตบอลของสมาคมฯ 4 ภาค 5 ศูนย์ ตามที่ผู้เขียนเคยนำเสนอก่อนหน้านี้แล้ว) ซึ่งถ้าไม่ใจร้อนและอดทนใช้เวลาที่เหมาะสมแล้วการเน้นที่จุดนี้ ย่อมพัฒนาขุมกำลังที่มีให้เข้มแข็งแล้วค่อยเก็บเกี่ยวความสำเร็จในแต่ละระดับอย่างต่อเนื่องด้วยความยั่งยืนได้

                                          5) เมื่อได้ดำเนินการตามข้อ 4 แล้วสิ่งที่เราจะได้คือขุมกำลังที่ดีมีศักยภาพมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะก้าวสู่การแข่งขันในรายการใหญ่ๆของเอเซียได้ ไม่ว่าจะเป็นรายการ  เอเชี่ยนเกมส์ และโอลิมปิคอย่างเต็มความภาคภูมิ

                                          6) ซึ่งเมื่อผู้เล่นในชุดดังกล่าวมีศักยภาพพร้อมในทุกด้าน ประสบการณ์มากพอสามารต่อกับทุกชาติในระดับเอเซียได้แล้วมีผลงานที่ดีขึ้นมา ผลพลอยได้จะทำให้ทีมชุดใหญ่แข็งแกร่งสามารถต่อกรกับทุกชาติในเอเซียได้อย่างมั่นคง สามารถเบียดแย่งโค้วต้าเพื่อเข้าสู่รายการแข่งขันฟุตบอลโลกได้ในที่สุด(เพราะขุมกำลังจากกลุ่มเยาวชนเราดีเพียงพอและได้ผ่านประสบการณ์กับทีมในระดับแนวหน้าของเอเซียมาแล้วตั้งแต่เยาวชน)

                                            ดังนั้น เมื่อให้ความสนใจผู้เล่นระดับเยาวชนในศูนย์พัฒนาฟุตบอล 4 ภาค 5 ศูนย์อย่างจริงจัง จะทำให้เรามีผู้เล่นที่ฝีเท้าดีมีประสบการณ์ มีศักยภาพที่ดี มีความเข้าใจแทคติกการเล่นในระดับมาตราฐานสากล และมีสไตล์การเล่นที่เหมาะสมกับคนไทยไปในแนวทางเดียวกันทั้งหมด ซึ่งผู้เล่นแต่ละคนสามารถเล่นด้วยกัน หรือทดแทนกันได้อย่างสมดุลย์ รากฐานที่เข้มแข็งนี้จะเป็นพลังสำคัญที่ช่วยสร้างโอกาสที่สูงขึ้น เพื่อให้ทีมไทยเราได้เข้าร่วมเล่นในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้จริงอย่างแน่นอน แต่อย่าลืมว่าต้องไม่ใจร้อนข้ามขั้นตอน หลอกตัวเอง ฝันว่าทีมเราเก่งสามารถไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายได้ แล้วทุ่มให้ทีมชุดใหญ่ชุดเดียวอย่างที่เป็นอยู่ ซึ่งผลอาจจะเกิดขึ้นได้ถ้าโชคช่วย แต่ผลการแข่งขันอาจจะยับเยินไม่น่าประทับใจอย่างที่เคยเป็น เพราะมาตรฐานและศักยภาพของทีมยังไม่เสถียรและไม่ยั่งยืน...   

วันเสาร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

เด็กที่มีพรสวรรค์

  

ค้นหานักเตะพรสวรรค์


                                                              ภาพจาก.พรีเมียร์ลีก-TrueID

                                    หลายคนมักจะ พูดถึงการหาช้างเผือกหรือเด็กที่มีพรสวรรค์เพื่อนำมาเล่นฟุตบอล แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นเช่นนั้น....

                                    เรามักจะได้ยินบางคนพูดถึงเด็กที่เล่นบอลดีๆว่า เป็นเด็กที่มีพรสวรรค์มาตั้งแต่เกิด (Born to be)  ถ้าพิจารณากันให้ดีจะพบว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะเด็กที่เกิดมา ยังไม่สามารถเล่นบอลได้ซึ่งความสามารถที่เล่นบอลได้ดีจะเกิดขึ้นมาภายหลัง....

                                     หากจะกล่าวถึงการเป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์ ควรจะมีสองส่วน คือต้องมีพรสวรรค์ทีติดตัวมาตั้งแต่เกิด และต้องมีพรแสวง ควบคู่กันอีกส่วนหนึ่งด้วยจึงจะทำให้มีคุณสมบัติครบถ้วน ดังนั้นเราสามารถค้นหาช้างเผือกได้ไม่ยาก

                                     1)ด้านพรสวรรค์ที่มาแต่กำเนิด ได้แก่สรีระร่างกายของแต่ละคนที่มีระบบต่างๆของร่างกายที่มีขีดความสามารถเหนือบุคคลอื่น เช่นมีสัดส่วนร่างกายที่เหมาะสม มีระบบกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ระบบไหลเวียนที่ดี ระบบหายใจที่ดี ซึ่งทำให้ทักษะทางกลไกการเคลื่อนไหวของร่างกาย สามารถเคลื่อนไหวเพื่อทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างรวดเร็ว แข็งแกร่งและอดทนมากกว่าคนอื่นๆ รวมถึงการคิดและตัดสินใจเลือกวิธีการแก้ปัญหาในกิจกรรมนั้นๆได้รวดเร็วเหมาะสมกว่าคนอื่นด้วย            

                                         ซึ่งจะไปสอดคล้องกับหลักการในคติพจน์ของโอลิมปิค.. ที่กล่าวถึงนี้จะเป็นหลักการที่มีคุณประโยชน์สำหรับนักกีฬาทุกคน... ดังนั้นเด็กที่มีพรสวรรค์จะมีองค์ประกอบจากหลักการ 3 อย่างนี้..คือ.Citius,Altius,และ Fortius ซึ่งเป็นภาษาลาติน จะตรงกับภาษาอังกฤษว่า Faster = เร็วกว่า, Higher = สูงกว่า,และ Stronger = แข็งแรงกว่า....นี้อยู่ในตัวด้วยเช่นกัน...

                                      2)ด้านพรแสวง (หมายถึงเด็กที่ยังไม่เคยได้รับการฝึกจากศูนย์ฝึก Academy มา ก่อน)  เด็กที่มีความชอบในกีฬาชนิดใดชนิดหนึ่ง แล้วเข้าร่วมกิจกรรมการเล่นเสมอๆ และพยายามนำสิ่งที่ได้ติดตัวมาตั้งแต่เกิดมาใช้ เพื่อหาวิธีการเล่นที่ดีกว่าไปใช้ในการเล่นกิจกรรมนั้นได้บ่อยๆครั้ง ซึ่งเด็กคนนั้นจะโดดเด่นกว่าเด็กคนอื่นๆ

                                      หากเราได้พบเด็กที่มีคุณสมบัติดังกล่าวทั้ง 2 ด้าน แล้วนำมาเจียรนัยโดยการฝึกซ้อมทักษะ เทคนิค แทคติกที่ถูกต้องให้ จะทำให้เขามีโอกาสพัฒนาขีดความสามารถให้สูงขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และจะทำให้มีศักยภาพสูงขึ้น จนสามารถก้าวสู่ระดับมาตรฐานสากลได้ไม่ยากอีกด้วย...   

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2565

การก้าวขึ้นสู่ระดับโลกอย่างภาคภูมิ

 

การก้าวขึ้นสู่ระดับโลก


ภาพจาก www.siamsport.com

                                   การจะก้าวขึ้นสู่ระดับโลกได้นั้น ไม่ใช่ได้มาจากโชคช่วย ซึ่งต้องยอมรับและขอชื่นชมกับทั้ง 2 ที่จากเอเซียแท้ คือทั้งทีมเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ที่โชว์ ผลงานเยี่ยมจนเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมได้อย่างน่าภาคภูมิใจ โดยเฉาะทีมญี่ปุ่นที่ใช้บริการโค้ชของญี่ปุ่นเองอีกด้วย...แม้ว่าทั้ง 2 ทีมไม่ได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมก็ตาม แต่ถือว่าการพัฒนาศักยภาพในการเล่นของทีมทำได้ดีมากๆ เราน่าจะลองศึกษาวิธีการของพวกเขาว่า มีกระบวนการพัฒนาอย่างไร..

                                   อันที่จริงทั้ง 2 ทีมกับทีมของไทย มีจุดเริ่มต้นด้านมาตรฐานการเล่นฟุตบอลที่ใกล้เคียงกัน แต่ทั้ง 2 ทีมมีจุดแข็งในด้านความมีวินัย และชาตินิยมสูงมาก จึงทำให้ในปัจจุบันมาตรฐานการเล่นห่างกันออกไปหลายช่วงตัว การที่จะยกระดับมาตรฐานของทีมให้ถึงระดับโลกนั้น ไม่ใช่แค่สร้างความฝันเท่านั้น การที่จะไปให้ถึง ต้องมีทั้งแรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นตั้งใจทำอย่างจริงจัง ดังนั้นองค์ประกอบที่ทำให้เกิดผลงานมีดังนี้

                                   1. การสร้างแรงบันดาลใจ

                                      1.1. กำหนดเป้าหมายสูงสุดให้ชัดเจน

                                      1.2. กำหนดเป้าหมายรองเป็นลำดับขั้น

                                      1.3. สร้างกระแสความนิยมให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม

                                   2. การมุ่งมั่นตั้งใจทำอย่างจริงจัง

                                      2.1. กำหนดแผนพัฒนาแม่บทระยะ 15 ปี

                                      2.2. วางยุทธศาสตร์การพัฒนาเป็นช่วงๆตามลำดับขั้น

                                      2.3. วางรูปแบบการสร้างกระแสความนิยมในทุกกลุ่มอย่างเป็นรูปธรรม

                                      2.4. วางระบบการพัฒนา การติดตาม ควบคุม ประเมินผลการปฏิบัติ และปรับปรุงการพัฒนาให้เหมาะสมทันต่อสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต

                                  จากองค์ประกอบดังกล่าวทั้ง 2 ทีมได้ทำอย่างจริงจังตลอดมา...ในที่นี้จะขอกล่าวเฉพาะทีมญี่ปุ่นเพื่อเป็นตัวอย่าง...

                                  เมื่อกำหนดเป้าหมายสูงสุดไว้ถึงการได้เป็นแชมป์โลก พวกเขาลงมือสร้างแรงบันดาลใจตั้งแต่กลุ่มเด็กๆโดยของความร่วมมือจากผู้เขียนการ์ตูน ให้สร้างนิยายการ์ตูนเกี่ยวกับฮีโรนักฟุตบอลขึ้นมาและพัฒนาขึ้นเป็นนักฟุตบอลทีมชาติที่เก่ง พาทีมชนะในรายการต่างๆและสามารถชนะทีมอันดับ 1 ของโลกอย่างบราซิล จนก้าวไปถึงชนะเลิศได้เป็นแชมป์โลกในที่สุด นอกจากนั้นยังเปิดโอกาสให้เด็กๆได้เข้าชมเชียร์อย่างใกล้ชิดกับนักบอลและทีมที่รักอีกด้วย จัดการสร้างโค้ชฟุตบอลให้มีความรู้ความสามารถตามมาตรฐาน License ในทุกระดับให้เพียงพอเพื่อไปพัฒนาศักยภาพของเด็ก ให้มีความสามารถดีตามมาตรฐานสากลในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จัดการแข่งขันในระดับต่างๆจนถึงระดับการแข่งขันลีกอาชีพเพื่อพัฒนาศักยภาพและบ่มเพาะประสบการณ์ให้เพิ่มมากขึ้น พยายามดึงนักบอลระดับโลกแม้ว่าจะเลิกเล่นในลีกใหญ่ๆของโลก มาเล่นในลีกของประเทศเพื่อจะได้เป็นแบบอย่างและถ่ายทอดเทคนิคการเล่นในแบบมาตรฐานสากลให้นักบอลชาวญี่ปุ่นได้เห็นและเรียนรู้ เพื่อยกระดับความสามารถให้สูงยิ่งขึ้น และที่สำคัญได้สนับสนุนส่งเสริมให้ออกไปเล่นที่สโมสรต่างๆในลีกดังๆของยุโรป ซึ่งนักบอลเหล่านี้จะได้มีโอกาสได้ฝึกเทคนิกการเล่นแปลกใหม่และได้เรียนรู้วิธีการเล่นของนักบอลต่างๆที่เล่นในลีกยุโรป และที่มาจากทวีปต่างๆทั่วโลก ดังนั้นเมื่อนักบอลเหล่านี้กลับมาเล่นให้ทีมชาติก็จะทำให้ทีมมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มีความมั่นใจไม่กลัวทีมอื่นๆเพราะเคยเจอกันมาแล้วในลีกยุโรปเป็นต้น....จากแนวทางบางส่วนแสดงให้เห็นว่าการที่ทีมไปสร้างผลงานที่ดีในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย..แต่เกิดมาจากความสามารถของนักบอล ทีมงานของผู้ฝึกสอน และการบริหารงานของสมาคมฟุตบอลของเขาจริงๆ....

                                  ดังนั้นถ้าทีมชาติไทยจะยกระดับขึ้นสู่ระดับโลก คงต้องกลับมาทบทวนอย่างหนักเพื่อหาวิธีการและจัดการให้เป็นรูปธรรมอย่างถาวร...ซึ่งผู้เกี่ยวข้องในทุกระดับต้องรับผิดชอบ คงไม่ใช่ขายฝันไปเรื่อยๆ..ว่า 4 ปีข้างหน้าเราจะได้เข้าไปแข่งฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแน่นอนๆๆๆ หรือจะใช้วิธีลัดโดยจะอาศัยสิทธิ์การเป็นประเทศเจ้าภาพเลยที่จะได้เล่นในรอบสุดท้ายด้วย...ขนาดประเทศการ์ต้า ที่เป็นเจ้าภาพครั้งนี้ ก็มีแผนการสร้างทีมประมาณ 10 ปีโดยการสร้างและพัฒนาเด็กตั้งแต่อายุประมาณ 13-15 ปีเพื่อเตรียมทีมไว้เข้าแข่งขันในครั้งนี้ ก็ยังทำผลงานได้ไม่น่าพอใจ..เป็นต้น

วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2565

ทีมที่น่ากลัวที่สุด..!!

 

ทีมที่น่ากลัวที่สุด..!!

ภาพจาก sanook.com

                                   ในการแข่งขันฟุตบอล โค้ชแต่ละทีมพยายามฝึกซ้อมเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับทีมคู่แข่งอย่างดี เพราะเชื่อว่าถ้าวางแผนในการเล่นที่ดีไว้ แล้วดำเนินการฝึกซ้อมอย่างดีก็จะทำให้ทีมมีโอกาสได้รับชัยชนะเหนือคู่ต่อสู้ได้สูงมาก

                                    ความคิดดังกล่าวไม่ผิด แต่..อาจจะไม่ถูกต้องเสมอไป เพราะถ้าทีมคู่ต่อสู้มีความคิดเหมือนกันจะทำให้ทีมคู่ต่อสู้เป็นทีมที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกันกับทีมเรา ซึ่งอาจจะทำให้ผลการแข่งขันเสมอกันไป..แต่ถ้าทีมคู่ต่อสู้มีองค์ประกอบที่สมบรูณ์มากกว่าเช่น มีผู้เล่นที่ดีและทีมแกร่งกว่า มีการเตรียมการที่ละเอียดรอบคอบกว่า ก็อาจจะทำให้ได้ผลการแข่งขันที่ดีกว่าด้วย หรือบางทีมมีสภาพทีมที่พอๆกันหรือแย่กว่า..แต่เทพีแห่งโชคไปอยู่เคียงข้างทีมนั้นผลชนะในการแข่งขันก็มักจะไปอยู่กับทีมคู่ต่อสู้ได้เช่นกัน

                                    จากสถานการณ์ข้างต้นที่กล่าวมา เชื่อว่าโค้ชแต่ละคนยังพอจะรับได้กับผลการแข่งขันที่ออกมาได้   เมื่อเราทำการเตรียมทีมทุกอย่างๆดีที่สุดแล้ว และเมื่อทำการแข่งขันนักฟุตบอลทุกคนสามารถทำทุกอย่างได้อย่างดีที่สุดแล้ว ทุกๆคนในทีมคงจะทำใจได้เช่นกัน

                                    แต่ถ้าโค้ชได้วางแผนเตรียมทีมเพื่อการแข่งขันอย่างดีที่สุดแล้ว แต่เมื่อลงทำการแข่งขัน นักฟุตบอลในทีมไม่ พยายามต่อสู้หรือไม่พยายามแสดงความสามารถที่ดีที่สุดออกมาใช้ในการแข่งขัน หรือไม่พยายามเล่นในระบบ รูปแบบตามแผนที่ได้ฝึกซ้อมกันมา ทีมก็จะไม่สามารถสู้เพื่อเอาชัยชนะจากทีมคู่ต่อสู้ได้ ซึ่งจะส่งผลให้โค้ชและผู้รับผิดชอบทีมเกิดความคับข้องใจอย่างแน่นอน........ดังนั้นทีมคู่ต่อสู้คงไม่ใช่ทีมที่หน้ากลัวที่สุด แต่ที่หน้ากลัวมากที่สุดก็คือ....ทีมของเรานั้นเอง......โค้ชจึงต้องระวังแล้วหาทางป้องกันเรื่องนี้ให้มากอย่าชะล่าใจ จึงจะทำให้ทีมมีผลการแข่งขันอย่างที่ตั้งใจไว้

                                    แนวคิดในการแก้ไข น่าจะอยู่องค์ประกอบ 2 ด้านดังนี้....

                                 1. ด้านเทคนิค...โค้ชควรปรับเทคนิคต่างๆดังนี้

                                     1.1. เทคนิคส่วนบุคคล...พัฒนาให้แต่ละคนมีสภาพทักษะและเทคนิคในการรับ ส่ง โหม่ง เลี้ยง และยิงประตูให้ดีอยู่เสมอ

                                     1.2. เทคนิคการเล่นกับคู่และกลุ่ม...พัฒนาให้แต่ละคนนำทักษะของตนไปเล่นกับเพื่อนและกลุ่มให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด

                                     1.3. เทคนิคการเล่นร่วมกันเป็นทีม...ต้องพัฒนาให้ผู้เล่นทุกคนร่วมมือกัน เล่นด้วยความสัมพันธ์กันในทุกตำแหน่ง โดยนำเอาทักษะ เทคนิค แทคติกในเกมส์การเล่น ทั้งเกมรุก - เกมรับ และการเล่นลูกนิ่งต่างๆให้เกิดความสัมพันธ์และได้เปรียบในสถานการณ์ต่างๆมากที่สุด

                                2. ด้านความคิดและจิตใจ...โค้ชต้องให้ความสำคัญสิ่งนี้มากเป็นพิเศษ

                                      2.1. ด้านความคิด...ต้องสร้างความเข้าใจในวิธีการเล่นในสถานการณ์ต่างๆด้วยการฝึก Combine game จนเกิดความสัมพันธ์และชำนาญ และแนะนำให้ผู้เล่นคิดอย่างสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาในสถานการณ์เฉพาะหน้า ด้วยเทคนิคการเล่นที่เหมาะสมและสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมทีม (ต้องระวังอย่าให้เขาคิดด้วยจินตนาการแบบไม่เหมาะสมมากเกินไป ซึ่งอาจจะทำให้เหมือนกับการเล่นแบบโชว์เดี่ยว เกมส์อาจจะเสียสมดุลย์ได้)

                                      2.2. ด้านจิตใจ...ต้องปลุกเร้าให้ฮึกเหิมเสริมกำลังใจให้แข็งแกร่งมีความมุ่งมั่นต่อสู้กับคู่แข่งขันแบบไม่ยอมแพ้ เล่นอย่างมี Spirit และ Fair play พร้อมทั้งพยายามให้เขาเปิดใจยอมรับในความผิดพลาดจากการเล่นและพยายามรับฟันคำแนะนำแล้วนำไปปรับปรุงให้เล่นได้ดีขึ้นทันที.....

                                      โค้ชจำเป็นต้องมีความละเอียดรอบคอบเฝ้าติดตาม ควบคุม และให้ความช่วยเหลือแก้ไขนักฟุตบอลในทีมให้ได้ ทันต่อเหตูการณ์ ก็จะสามารถลดปัญหานี้ได้..... 

วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2565

แพ้พ่าย..ก็ได้ประโยชน์..

 

                           แพ้พ่าย..ก็ได้ประโยชน์                             

www.thainews.easybranches.com

                                               โดยปกติการแข่งขันกีฬาจะมีผลการแข่งขันเกิดขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่งใน 3 ส่วนนี้..คือการแพ้ การเสมอหรือชนะ..ในทุกๆครั้ง....แต่เมื่อใดที่เราได้มีส่วนร่วมในเกมส์การแข่งขันกีฬา เรามักต้องการให้ได้รับผลการแข่งขันเป็นชัยชนะในทุกๆครั้ง และจะไม่สบายใจเมื่อผลลัพธ์เพียงเสมอหรือถ้าแพ้ด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ซึ่งผู้ที่ทำทีมก็ไม่มีใครอยากให้ทีมของตนแพ้เหมือนกัน..

                                                แต่การแพ้นั้นก็ให้คุณประโยชน์ได้เช่นกัน..ขอให้มองในแง่ของการพัฒนา ซึ่งการแพ้ในครั้งนั้นๆจะมีเหตุปัจจัยหลายๆอย่างเกิดขึ้น ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องต้องกลับมาทบทวน วิเคราะห์องค์ประกอบต่างๆว่ามีจุดใดที่บกพร่องหรือยังขาดไปไม่สมบูรณ์ แล้วหาวิธีการแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น

                                                ดังนั้นถ้าอยู่ในช่วงการซ้อมเตรียมทีมเพื่อเข้าสู่รายการแข่งขัน มักจะมีแผนการแข่งขันแบบประลองทีมกัน ถ้ามีการวางแผนการประลองไว้เป็นลำดับขั้นจะส่งผลการพัฒนาผู้เล่นและทีมได้ดียิ่งขึ้นเช่น...

                                                ช่วงแรกให้ประลองกับทีมที่ดีกว่าเมื่อผลแพ้..จะได้เห็นจุดที่บกพร่องแล้วนำมาปรับแก้ไขแล้วกลับไปทดสอบอีกครั้ง ถ้ายังพบจุดใดอีกก็กลับมาแก้ไขใหม่

                                                เมื่อทีมดีขึ้นให้เพิ่มระดับโดยประลองกับทีมที่แข็งแก่รงขึ้นอีก เพื่อหาจุดบกพร่องที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นเพื่อปรับปรุงต่อไป

                                                เมื่อทีมดีขึ้นให้เน้นผลการประลอง เช่นถ้าแพ้จะต้องเสียประตูน้อยลง ซึ่งผลการแข่งก็จะดีขึ้นสู่ระดับเสมอ และจะพัฒนาไปสู่การมีชัยชนะบ้างแล้ว อาจจะชนะแต่ยังเสียประตูอยู่ ซึ่งต้องเน้นผลถึงระดับผลการแข่งขันที่มีขนะแล้วต้องไม่เสียประตูเป็นต้น

                                                 นอกจากนั้นโค้ชจำเป็นต้องวางแผนการพัฒนาให้ลงลึกไปถึงรายละเอียดเช่น..ถ้าลดสมรรถนะกองหน้าลงเท่ากับเราเน้นการพัฒนาผู้เล่นกองหลังและเกมส์รับ หรือจะเน้นพัฒนาผู้เล่นกองหน้าและเกมส์รุกก็ให้ได้ลงประลองกับทีมที่อ่อนกว่า รวมถึงฝึกเล่นเกมส์เมื่อมีผู้เล่นน้อยกว่า หรือฝึกเล่นเล่นเกมส์เมื่อมีผู้เล่นมากกว่า..เป็นต้น..

                                                  อีกส่วนหนึ่งคือผู้บริหาร โค้ชต้องร่วมกันวางแผนการพัฒนาให้เป็นระบบ และที่สำคัญคือผู้เล่นก็ต้องมีทัศนคติที่ถูกต้องในการพัฒนาตัวเองให้ก้าวไปข้างหน้าไม่ใช่หลงทนงตัวเอง เพื่อยกระดับขีดความสามารถให้สูงขึ้นต่อไปอีก ไม่ใช่ย่ำอยู่กับที่โดยคิดว่าเมื่อได้เป็นตัวแทนทีมชาติแล้วเราจะเก่งหรือดีกว่าคนอื่นๆเสมอ...

www.youtube.com

                                                 ที่สำคัญถ้าสร้างผู้เล่นและทีมให้มีสปิริตทำให้ทีมมุ่งมั่นทุ่มเทเล่นอย่างเต็มศักยภาพ แม้ว่าผลการแข่งขันจะออกมาอย่างไร ผู้ที่เกี่ยวข้องและแฟนคลับจะสามารถรับผลการแข่งขันนั้นได้และยังพร้อมเป็นกำลังใจให้นักกีฬาเสมอ....

วันพุธที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2564

ทำอย่างไร...ให้บอลไทยไปบอลโลก(ตอนที่4)


ทำอย่างไร...ไทยจะได้เล่นบอลโลกรอบสุดท้าย??

ศูนย์พัฒนาฟุตบอล..ช่วยแก้ปัญหาได้

                                                                  ภาพจาก www.youtube.com

                                                  จากสภาพปัญหาที่พบซ้ำๆ เรามีแนวทางแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบและมีแนวทางในการพัฒนาแล้ว.........ตอนนี้คงต้องลงถึงยุทธศาสตร์และแผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรมเชิงประจักษ์...ดังนั้นควรมีการจัดตั้งศูนย์พัฒนาฟุตบอลของสมาคมฯให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยจัดตั้งศูนย์พัฒนาฟุตบอลไว้ประจำ 4 ภาคและศูนย์พัฒนาฟุตบอลแห่งชาติ อีก 1 ศูนย์ รวมเป็น 5 ศูนย์

                                                   แนวทางการบริหารศูนย์พัฒนาฟุตบอลฯ..ดังนี้

                                          1. แบ่งให้แต่ละศูนย์รับผิดชอบพัฒนาเยาวชนของแต่ละภาค ในเขตจังหวัดพื้นที่รับผิดชอบ

                                          2. จัดเตรียมทีมงานสต้าฟโค้ชที่สมาคมฯพิจารณาคัดเลือก ให้ดำเนินการคัดเลือกเยาวชนในเขตพื้นที่รับผิดชอบ มาพัฒนาทักษะ เทคนิค แทคติก การเล่นเฉพาะบุคคล กลุ่มและทีม ตามแนวทางมาตรฐานสากลและแนวทางทั้งระบบ สไตล์และรูปแบบการเล่นที่สมาคมกำหนดไว้ เพื่อให้รู้เข้าใจและเล่นไปในทางเดียวกัน

                                         3. วางแผนระยะยาวโดยเริ่มพัฒนาเยาวชน กลุ่มอายุ 14-15 ปี เพื่อพัฒนาอย่างต่อเนื่องได้ถึง 10 ปี ซึ่งเยาวชนกลุ่มนี้จะทักษะ เทคนิค แทคติก และสามารถเล่นไปในแนวทางเดียวกัน ดังนั้นเมื่อนำกลุ่มเยาวชนเหล่านี้มาเล่นด้วยกันแม้ว่าจะใช้ระยะเวลาสั้นๆ พวกเขาก็จะสามารถปรับตัวเล่นด้วยกันได้ง่าย

                                        4. จัดการประลองทีม โดยแต่ละศูนย์ฯ ต้องพัฒนาทีมเพื่อการแข่งขัน โดยสมาคมฯต้องจัดการแข่งขันแบบลีกของศูนย์พัฒนาฯ เพื่อสร้างประสบการณ์เกมการแข่งขัน รวมถึงเป็นแรงผลักดันกระตุ้นให้แต่ละคนแข่งขันพัฒนาศักยภาพตัวเองเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะมีคู่แข่งในระดับเดียวกันอีกหลายคน และสมาคมฯก็จะสามารถจัดลำดับขีดความสามารถของผู้เล่นแต่ละตำแหน่งไว้เพื่อใช้เลือกเป็นตัวแทนทีมชาติที่มีคุณภาพในระดับมาตรฐานสากลต่อไป

                                        5. สมาคมฯดำเนินการคัดเลือกผู้เล่นที่ดีที่สุดเพื่อจัดเตรียมทีมชาติ ซึ่งสามารถจัดเป็นทีมชาติได้หลายชุดเพื่อเลือกใช้ในการแข่งขันระดับนานาชาติในรายการต่างๆได้อย่างเหมาะสมเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อไป

ภาพจาก www.facebook.com

                                               จากแนวทางดังกล่าวแม้ว่าต้องใช้ทั้งระยะเวลา งบประมาณและความมุ่งมั่นทุ่มเทของทีมงานบริหารจัดการของสมาคมฯอย่างมากก็ตาม ระยะเวลาภายใน 10 ปี สภาพปัญหาต่างๆจะค่อยๆลดลงไปได้แน่นอน อย่างเช่น...

                                                  1. ปัญหาผู้เล่นเก่งบางคนไม่สามารถไปร่วมแข่งขันได้จะหมดไป เพราะแต่ละตำแหน่งที่เป็นหัวกะทิที่มีความสามารถใกล้เคียงกันที่เราจัดลำดับไว้จะมีจำนวนหลายคน ซึ่งมีความพร้อมและกระหายอยากแสดงผลงาน ที่มาจาก 5 ศูนย์พัฒนาฯมีให้เลือกถึง 20 คนเป็นต้น

                                                  2. ชุดดรีมทีมที่เราเคยมี ถ้าเราพัฒนาแบบนี้แล้ว ชาติเราจะมีถึง 5 ทีมซึ่งแต่ละทีมจะมีศักยภาพใกล้เคียงกันอีกด้วย

                                                  3. ระบบ สไตล์และรูปแบบการเล่นเป็นแบบมาตรฐานสากล ผู้เล่นกลุ่มนี้รู้เข้าใจไปแนวทางเดียวกัน แม้ว่าจะจัดผู้เล่นมารวมกันอย่างไรเขาก็จะสามมารถเล่นประสานสัมพันธ์กันได้อย่างดี ทำให้โค้ชทำทีมได้ง่ายแม้ว่ามีเวลารวมตัวกันภายในระยะเวลาสั้นๆก็ตาม

                                                  4. ทำให้สะดวกในการสรรหาโค้ชมาคุมทีม เพราะเราจะได้เลือกโค้ชที่มีวิสัยทัศน์มีแนวคิดในการพัฒนาทีมไปในทิศทางเดียวกัน และมีประสบการณ์เข้ามาสร้างเสริมแทคติกพิเศษเพิ่มให้เหมาะกับการแข่งขันในแต่ละระดับได้

                                                   5. เราจะสามารถยกระดับศักยภาพของทีมทุกชุด ให้สู้กับทุกชาติในระดับเอเซียได้ เพื่อพัฒนาขึ้นไปสู่เวทีโอลิมปิกและฟุตบอลโลกได้ต่อไป 

                                               ซึ่งจะเห็นได้ว่าการดำเนินการพัฒนาให้เป็นระบบ จะช่วยลดปัญหาต่างๆทั้งหมดที่คาใจลงไปได้ อีกทั้งยังสามารถพัฒนาได้อย่างเข้มแข็งยั่งยืน ทำให้ฝันนั้นอยู่ไม่ไกล..เราพร้อมที่จะก้าวเดินอย่างมั่นคงเพื่อไปถึงจุดหมายนั้นได้จริงๆ.......