สร้างความแตกต่างอย่างมีสไตล์สำหรับฟุตบอลไทย
อันที่จริงเทคนิคและสไตล์การเล่นของนักฟุตบอลทีมชาติไทย ไม่ได้ด้อยไปกว่าทีมอื่นในเอเซีย ดูอย่างเช่นทีม สโมสรธนาคารกสิกรไทย ซึ่งเป็นทีมสมัครเล่นที่เป็นแชมป์สโมสรของไทย โดยมีอาจารย์หรั่ง(ดร.ชาญวิทย์ ผลชีวิน)เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน (ผู้เขียนก็เป็นหนึ่งในสตาร์ฟผู้ฝึกสอนชุดนี้ด้วย) สามารถสร้างเกรียติและประวัติศาสตร์ของชาติไทยที่เป็นสโมสรแรกที่ได้แชมป์ในรายการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรของเอเซีย 2 สมัยติดต่อกัน และยังได้แชมป์สโมสรทวีประหว่างทวีปเอเซียกับทวีปอัฟริกาอีก 1 สมัยด้วย ทั้งๆที่เป็นสโมสรสมัครเล่น นักฟุตบอลเป็นเด็กไทยทั้งหมด เช่น..สุรชัย จตุรภัทรพงษ์ สะสม ภพประเสริฐ สัจจา ศิริเขตร์ จตุพร ประมลบาล วรวุฒิ ศรีมะฆะ สิงห์ โตทวี นิพนท์ มาลานนท์ วิเชฏฐ์ คงมาก เป็นต้น
สิ่งที่น่าสังเกตุนักเตะชุดนี้สามารถต่อสู้กับนักฟุตบอลระดับแชมป์สโมสรของชาติต่างๆในเอเซียได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งๆที่บางสโมสรมีนักเตะต่างชาติร่วมด้วยเพราะเป็นสโมสรอาชีพหลายทีมเช่นกัน นั่นแสดงให้เห็นว่าถ้ามีการเตรียมตัวจัดการฝึกซ้อมอย่างดีและมีมาตรฐานแบบสากลแล้ว สามารถยกระดับและศักยภาพของนักฟุตบอลได้จริง ซึ่งทีมงานของอาจารย์ หรั่ง และนักฟุตบอลของสโมสรธนาคารกสิกรไทยได้ทำผลงานไว้ให้เห็นแล้วนักฟุตบอลของไทยทำได้จริง โดยไม่มีข้ออ้างเกี่ยวกับการที่มีร่างกายที่เล็กและเสียเปรียบอื่นใดเลย
เคล็ดที่ไม่ลับก็คือ 1.ผู้ฝึกสอนดี..ทีมงานได้ร่วมกันวางแผนเพื่อฝึกซ้อมเตรียมทีม ศึกษาทีมคู่ต่อสู้ จัดตัวผู้เล่นให้เหมาะสม วางแท็คติกการเล่น แก้เกมส์ได้อย่างถูกต้อง... 2.นักกีฬาดี...นักกีฬามืวินัย มุ่งมั่น ทุ่มเท ตั้งใจฝึกซ้อมอย่างจริงจัง สามารถปฏิบัติตามที่โค้ชกำหนดและแสดงสมรรนะที่ตนมีออกมาใช้ได้เต็มศักยภาพมากที่สุด... 3.การบริหารงานดี...ทีมบริหารของสโมสร ผู้จัดการ ทีมงานสนับสนุนให้การดูแลเอาใจใส่ สร้างขวัญเสริมกำลังใจเต็มที่ไม่ขาดตกบกพร่อง.... 4.การสนับสนุนดี...ผู้เกี่ยวข้องทั้งสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กองเชียร์โดยเฉพาะแฟนคลับ และสปอนเซอร์ต่างๆร่วมมือให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี...... จึงทำให้ความสำเร็จเกิดขึ้นได้
ส่วนสไตล์การเล่นของนักกีฬาไทยนั้นต้องมาจากพื้นฐานของทักษะที่เกี่ยวกับการครอบครองบอล รับ-ส่ง โหม่ง เลี้ยง ยิงประตู ความเข้าใจเกมส์และต้องเกมส์การเล่นตามมาตรฐานสากลไม่เล่นตามใจตนเองแล้วนั้นจึงมาพัฒนาการเล่นในรูปแบบ วิธีการและระบบการเล่นที่เหมาะสมกับนักกีฬาหรือทีมของตน ซึ่งอาจจะปรับเปลี่ยนไปตามสภาพของนักกีฬาได้ แต่สิ่งที่สำคัญขาดไม่ได้น่าจะเป็นองค์ประกอยต่ไปนี้
1.มีสมรรถภาพทางกายดีเยี่ยม...ต้องขยันมีพละกำลังที่สามารถเล่นได้ 120 นาที ในแต่ละเกมส์การแข่ง
2.มีรูปแบบและระบบการเล่นที่ชัดเจน...นักฟุตบอลต้องรู้และเข้าใจเทคนิคและแทคติกการเล่นอย่างมีเอกภาพ หรือพูดง่ายๆคือเล่นอย่างเข้าขาและรู้ใจกัน
3.ควรเล่นบอลบนพื้นสนาม...ส่ง-รับบอลเท้าสู่เท้า เล่นบอลตามช่อง การเล่นเกมส์โต้รุกเร็วเป็นหลัก ไม่เน้นการโยนเพื่อเล่นบอลในอากาศถ้าไม่จำเป็น
4.เพิ่มความเร็วในการ รับ-ส่งและเคลื่อนที่รับบอล...ไม่ครองบอลนาน เน้นให้บอลเคลื่อนที่ให้มาก เปลี่ยนแกนการเล่น ซ้าย-ขวา ให้เร็ว
5.เพิ่มประสิทธิภาพการทำประตู...เน้นพัฒนาผู้เล่นตำแหน่งหน้าเป้า ที่มีสัญชาติญาณเป็นศูนย์แท้ ที่มีความกระหายในการยิงประตูให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญต้องเน้นในการยิงต้องแม่นยำเข้ากรอบทุกครั้งเพื่อเน้นผลการได้ประตูมากขึ้น
6.ต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะการณ์คับขันเพียงใด และสปิริต
7.ต้องมีสมาธิกับเกมส์การแข่งขันตลอดเวลา จนกว่าจะหมดเวลาการแข่งขัน และต้องไม่ทำตัวเป็นผู้ตัดสินเองในขณะแข่งขัน เช่นให้สัญญาณ ล้ำหน้า ลูกออก หรือฟาล์วเป็นต้นแล้วหยุดเล่นเอง ซึ่งถ้าผู้ตัดสินไม่เห็นด้วยเกมส์จะดำเนินต่อไปจะทำให้เกิดความเสียเปรียบทันที
จากข้อคิดข้างต้นจะเห็นว่าสภาพภาพของคนไทยมีร่างกายไม่สูงใหญ่จึงควรใช้สไตล์การเล่นบอลกับพื้น เคลื่อนที่ให้มาก ให้บอลกันแบบเท้าสู่เท้า แทงบอลตามช่องเพิ่มความเร็วของการให้บอลเปลี่ยนแกนการเล่นและเล่นเกมส์โต้รุกเร็ว มีสมาธิและควบคุมอารมณ์ให้ได้
ในช่วงนี้พอจะมีให้เห็นถึงการปรับเทคนิคและสไตล์การเล่นให้เหมาะกับสภาพของคนไทย สอดคล้องกับแนวคิดที่ผู้เขียนได้เสนอไว้ข้างต้น ซึ่งทีมนี้ทำผลงานได้ประทับใจคนไทย เพราะนักฟุตบอลเล่นกันด้วยความสนุกต่อบอลทั้งรุก-รับ มีรูปแบบการเข้าทำประตูอย่างชัดเจน เล่นบอลกับพื้น รับ-ส่งบอลกันเร็วขึ้น ไม่โยนบอลโดยไม่จำเป็น และที่สำคัญนักฟุตบอลในทีมช่วยกันเล่น เล่นด้วยระบบและรูปแบบที่ซ้อมกันมา ไม่ทำตัวเป็นดารา ทีมที่ว่านี้คือทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ ชุดเอเชี่ยนเกมส์และชุด U-23 ในปัจจุบันที่ โค้ช ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ควบคุมดูแลอยู่ ต้องขอชื่นชมและขอเป็นกำลังใจให้ทั้งทีมทำผลงานให้ดียิ่งขึ้น เพื่อฟุตบอลไทยก้าวไปอีกระดับหนึ่ง...,สู้สู้