วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ขอชื่นชมความก้าวหน้าของฟุตบอลทีมชาติไทย



                                        (ขอบคุณภาพจาก www.becteroradio.com)

                      ผลงานของทีมฟุตบอลทีมชาติไทยภายใต้การทำทีมของ โค้ชซีโก้ เกียรติศักดิ์  เสนาเมือง
 ในยุคนี้ได้สร้างสีสันต์ด้วยปรับระบบและเทคนิกการเล่นได้เหมาะกับสรีระของคนไทย เน้นให้เล่นบอลกับพื้น ไม่ครองบอลไว้กับตัวนาน เน้นเล่นด้วยระบบไม่มีซุเปอร์สตาร์ ที่สำคัญอย่างยิ่งคือการควบคุมอารมณ์ซึ้งจะเห็นได้ว่าแม้ว่าเกมส์จะหนักแต่นักฟุตบอลไม่แสดงอาการอารมณ์เสียมุ่งมั่นตั้งใจเล่นเพื่อให้ผลการแข่งขันออกมาดีที่สุด ผลงานจึงเป็นที่ถูกใจของชาวไทยทั้งประเทศ
                     เทคนิคการเล่นที่ใช้ได้ผลและเหมาะกับทีมไทยมากที่สุดคือการเล่นบอลกับพื้นเพิ่มความเร็วในการรับส่งบอลกันเร็วไม่ครองบอลนานและเจาะทะลุทะลวงไปตามช่อง ซึ่งมีการฝึกซ้อมกันจนเล่นได้เข้าขาและเล่นกันด้วยความมั่นใจ ผลงานได้รับการชมจากสื่อทั้งในและต่างประเทศที่ว่าใช้เทคนิคการส่งและรับบอลแบบเดียวกับทีมบราเซโลน่าเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามจุดแข็งนี้ต้องรักษาไว้และต้องพัฒนาเทคนิคการเล่นอื่นเพิ่มขึ้นด้วยเพื่อเพื่มประสิทธิภาพการเล่นให้หลากหลาย
                        เทคนิคการเล่นที่กำลังชื่นชมนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในวงการฟุตบอลไทย แต่ใช้เล่นกันในช่วงปี พศ. 2511- 2520 เป็นต้นมา และระหว่าง พศ. 2514-2520 ถือว่าเป็นเทคนิคการเล่นที่ได้รับควมนิยมมากที่สุดเพราะสโมสรฟุตบอลราชวิถีในยุคนั้นซึ่งมี สมยานามว่า ทีมชาววังได้ใช้เทคนิคนี้จนชนะเลิศเป็นแชมป์ ถ้วยพระราชทาน ก. เปรียบได้กับลีกสูงสุดถึง 4 สมัย
 








                                          (ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก วิกิพีเดียสารานุกรมเสรี)
สโมสรราชวิถี ในสมัยนั้นต้องขอบคุณโค้ชที่ยิ่งใหญ่ 2 ท่านได้แก่ พระอาจารย์สำเริง ไชยงค์ และอาจารย์เสนอ  ไชยงค์ ที่เป็นผู้วางรากฐานการเล่นให้นักฟุตบอลตั้งแต่ระดับเยาวชนขึ้นมา โดยเฉพาะพระอาจารย์สำเริง ไชยงค์ ได้นำเอาเทคนิคการเล่นจากทางยุโรปมาเป็นต้นแบบ โดยเน้นวิธีการเล่นกับพื้นรับและส่งบอลเท้าสู่เท้าเป็นหลัก ฝึกการเล่นในพื้นที่แคบแล้วเปลี่ยนเกมส์การเล่นอย่างรวดเร็วออกไปสู่พื้นที่กว้างและว่างทันทีเหมือนการเล่นลิงชิงบอลตลอดทั้งเกมส์ ดังนั้นทีมใดที่จะเอาชนะทีมนี้ได้จะต้องมีสมรรถภาพทางกายดีเพราะต้องใช้กำลังวิ่งไล่แย่งอย่างมากจึงจะสามารถหยุดทีมชาววังนี้ได้ นักฟุตบอลยุคนั้นถือว่าระดับพระกาฬ ดีกรีทีมชาติเกือบทั้งทีม กองหน้าระดับเพรชฆาตรเช่น วีรยุทธ  สวัสดี   ปรีชา  กิจบุญ กองกลางพวกเท้าชั่งทอง มี อาจารย์สนอง  ไชยงค์  อาจารย์ทรงไทย  สหวัชรินทร์  สิทธิพร  ผ่องศรี   แก้ว  โตดิเทพ    อารมณ์  จันทร์กระจ่าง กองหลังปราการเหล็ก อำนาจ เฉลิมชวลิต  ดร.จุฑา  ติงศภัทย์ ผู้รักษาประตูได้แก่ ไพบูลย์  ขันธรักษา และ เทพพิทักษ์ จันทร์สุเทพ เป็นต้น แต่ละคนเป็นต้นแบบให้เยาวชนในยุคนั้นได้เลียนแบบเทคนิคการเล่นไปใช้กันทั่วไป 
                               อย่างไรก็ตามจะเป็นเทคนิคการเล่นในยุคก่อนหรือในปัจจุบันก็ตาม ถือว่าเป็นเทคนิคการเล่นที่ดีและเหมาะสมกับสภาพนักฟุตบอลของไทย เมื่อเห็นว่านำมาใช้แล้วดีมีประโยชน์บังเกิดผลดีต่อทีมไทยแล้ว ก็อยากฝากไว้เป็นแนวทางสำหรับโค้ชและนักเตะในการปรับและพัฒนาทีมที่รับผิดชอบต่อไป

                


วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ทำอย่างไรจึงจะเลี้ยงบอลหลบคู่ต่อสู้ได้

                            นักฟุตบอลเยาวชนหลายๆคนมักจะพบปัญหาเมื่อครอบครองบอลแล้ว ไม่สามารถพาบอลหลบหลีกคู่ต่อสู้ได้  เนื่องจากปัจจุบันเยาวชนมีความคิดว่าวิธีการเลี้ยงบอลหลบผ่านคู่ต่อสู้ด้วยทักษะแบบเหนือชั้นเสมอๆ เช่น
                         1.เมื่อพาบอลไปหาคู่ต่อสู้แล้วมักจ้องที่จะส่งบอลให้ลอดระหว่างขาของคู่ต่อสู้เป็นอันดับแรก ก่อนที่จะใช้ทักษะการเลี้ยงหลบผ่านคู่ต่อสู้ไป ทั้งๆที่ทักษะการเลี้ยงหลบเป็นวิธีที่ดีที่สุด
                         2.เมื่อพาบอลไปใกล้คู่ต่อสู้แล้วมักจะใช้การหลอกคู่ต่อสู้โดยการก้าวขาข้ามลูกบอลสลับไปมาเลียนแบบเทคนิคการเล่นของ โรนัลโด้ บ่อยๆครั้ง
                             บางท่านอาจจะคิดต่างโดยเห็นว่าวิธีการทั้งสองอย่างนี้เขาเล่นกันอยู่ทั่วไป คำตอบคือไม่มีอะไรผิด แต่วิธีการดังกล่าวเป็นทักษะขั้นสูงหรืออาจจะนำไปใช้ในสถานการณ์ที่จำเป็นจึงเกิดผลดี แต่ในส่วนที่ไม่ควรทำคือเมื่อเยาวชนเลือกทำวิธีการดังกล่าวแล้วจะเกิดความเคยชินทั้งด้านความคิดและปฏิบัติจริงเสมอๆ ทำให้ลืมหรือขาดความชำนาญในการนำทักษะการเลี้ยงหลบไปใช้ ดังนั้นจึงไม่สามารถพาบอลหลบคู่ต่อสู้ได้โดยง่าย และจะทำให้ขาดความมั่นใจและขาดความชำนาญอีกด้วย
                             ข้อสังเกตุ  1.ระยะทางที่ควรหาโอกาสเลี้ยงหลบคู่ต่อสู้คือ ต้องอยู่ห่างอย่างน้อย 1-1.5 เมตร เพราะจะเป็นระยะที่โยกหลอกและหลบได้สะดวกทำให้คู่ต่อสู้แย่งได้ยาก
                                                2.ระยะดังกล่าว สามารถช่วยแก้ปัญหาเมื่อไม่สามารถเลี้ยงหลบคู่ต่อสู้ในจังหวะแรกได้เพราะยังมีพื้นที่เพียงพอในการเลี้ยงหลบในจังหวะที่สองหรือจังหวะที่สามต่อไปได้อีก


                                  จากภาพ เมื่อได้ครอบครองบอลแล้วเลี้ยงเข้าหาหรือคู่ต่อสู้เข้ามาแย่ง เมื่อเห็นว่าเข้ามาในระยะห่างพอสมควรจึงใช้ทักษะการเลี้ยงหลบ โดยโยกตัวพร้อมก้าวเท้าขวาไปทางด้านขวา เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้ไม่ขยับตามมา ให้ใช้เเท้าซ้ายเกี่ยวบอลไปด้วยข้างเท้าด้านในไปทางด้านขวาเมื่อเห็นว่าหลบพ้นแล้วให้กระชากพาบอลทะลุผ่านตรงไปด้านหน้า ทันที



                                  จากภาพอาจจะโยกตัวพร้อมก้าวเท้าซ้ายไปทางด้านซ้ายในจังหวะแรก แล้วสังเกตอาการของคู่ต่อสุ้ ถ้าเห็นว่าขยับตัวเคลื่อนตามมาเพื่อป้องกัน



 

                               ให้โยกตัวกลับพร้อมก้าวเท้าขวาไปทางด้านขวาโดยเร็ว ถ้าเห็นว่าคู่ต่อสู้ตามมาไม่ทัน ให้ใช้ข้างเท้าด้านในด้านซ้ายพาบอลหลบ แล้วกระชากพาบอลทะลุตรงไปทางด้านหน้าทันที ในจังหวะที่ 2 ที่ 3 และที่ 4


                              
                                 จากภาพ ถ้าคู่ต่อสู้มีทักษะดีมักจะอ่านเกมส์ได้ เขาจะเคลื่อนตัวติดตามมา ดังนั้นจึงต้องพยายามโยกตัวหลบหลีกย้อนกลับไปอีกด้านหนึ่งโดยทันที จากจังหวะที่ 1 โยกตัวไปด้านซ้ายคู่ต่อสู้เมื่อคู่ต่อสู้ขยับตาม เราต้องโยกตัวเปลี่ยนไปทางด้านขวาในจังหวะที่ 2 เมื่อคู่ต่อสู้ขยับตามมาอีกให้รีบโยกตัวกลับไปทางด้านซ้ายโดยเร็วพร้อมใช้ข้างเท้าด้านในด้านขวาพาบอลหลบ แล้วกระชากบอลเลี้ยงทะลุผ่านคู่ต่อสู้ตรงไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะขึ้นอยู่กับสถานะการณ์และโอกาสที่เกิดขึ้นในขณะนั้น โดยเน้นวิธีการเล่นที่ให้เกิดความได้เปรียบมากที่สุดมาใช้  ไม่ใช่เล่นตามที่เราอยากจะทำซึ่งอาจจะไม่เป็นผลดีเสมอไป

วันศุกร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2558

 
 
 
เทคนิคการเล่นแบบ 3 : 1  ตอนที่ 2
 

 
                               ในสถานะการณ์ที่จำเป็น เมื่อคู่ต่อสู้อ่านเกมส์ออกว่า เมื่อฝ่ายรุกหมายเลข 2  ได้รับบอลมาแล้ว หมายเลข 3 ต้องเคลื่อนที่หนีตัวประกบมารับบอล ฝ่ายรับก็จะพยายามวิ่งติดตามใกล้ชิด ถ้าฝ่ายรุกวิ่งหลอกเพื่อมารับบอลแล้ว แต่ฝ่ายรับติดตามมาประกบเร็ว ฝ่ายรุกควรแก้สถานะการณ์ดังนี้
 



 
                        เมื่อฝ่ายรุกหมายเลข 3 ได้รับบอลจากหมายเลข 2 แล้วจะเห็นว่าฝ่ายรับตามมาประกบได้เร็วไม่สามารถพลิกพาบอลหลบไปได้ ดังนั้นควรตัดสินใจส่งบอลคืนให้หมายเลข 2 ทันที(จะเป็นวิธีการที่ดีที่สุด) แล้ววิ่งฉีกตัวเพื่อดึงฝ่ายรับออกไปทางด้านข้าง ส่วนหมายเลข 2 ต้องมองให้กว้างแล้วส่งบอลให้หมายเลข 1 ที่วิ่งเติมขึ้นมาทางด้านข้างทันที หมายเลข 1 รับบอลแล้วให้พาบอลทะลุผ่านแนวรับไป