สิ่งที่ได้ใน..ซีเกมส์ครั้งที่ 29..
ภาพจาก www.cheerkeela.com
ประการแรก ต้องขอชื่นชมและขอบคุณทีมงานและนักฟุตบอลทีมชาติไทยชุดชนะเลิศในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่ประเทศมาเลเซีย 2017 ซึ่งทุกคนได้ทุ่มเทฝ่าฟันอุปสรรคและความกดดันจากคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ จนผลสุดท้ายสามารถรักษามาตรฐานของผลการแข่งขันเป็นแชมป์ได้เหรียญทองแห่งศักดิ์ศรีได้อีก 1 สมัย...
ประการที่สอง เราต้องเปิดใจวิเคราะห์ สภาพและมาตรฐานของฟุตบอลทีมชาติไทยในขณะนี้ว่า น่าจะไม่ใช่อย่างที่เราคิด ที่ว่า ฟุตทีมชาติไทยมีมาตรฐานเหนือกว่าทุกๆปรเทศในแถบอาเซี่ยนต่อไปอีกแล้ว ด้วยเหตุผลจากการแข่งขันในเกมส์นี้ แม้ว่าจะเสียประตูน้อยเพียงประตูเดียว แต่ก็ทำประตูได้ไม่มากและไม่ค่อยประทับใจ ซึ่งในหลายลูกเกิดจากความผิดพลาดของคู่ต่อสู้ นั่นก็แสดงให้เห็นว่าทีมต่างๆนั้นมีการพัฒนาการเล่นขึ้นมาอย่างมาก อาจจะพูดได้ว่าตอนนี้พวกเขาหายใจรดต้นคอเราแล้ว ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องต้องรีบกลับมาปรับแผน และวางยุทธศาสตร์ในการพัฒนาฟุตบอลของชาติไทยให้ครบวงจร ทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพื่อเป็นการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ประการที่สาม ทั้งๆที่เรามีความเชื่อมั่นในตัวเองว่านักฟุตบอลไทยมีทักษะและความสามารถโดดเด่น มีประสบการณ์ในเกมการเล่นในลีกอาชีพในประเทศที่เหนือกว่านุกฟุตบอลชาติอื่นๆ บางทีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงแบบนี้อาจจะทำให้นักฟุตบอลหลงตัวเอง และประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไป ทำให้ประมาท เลยมุ่งมั่นในการพัฒนาตนเองน้อยลง การพัฒนาจึงเกิดขึ้นแบบเดินไปทีละก้าว ในขณะเดียวกันชาติอื่นๆเขายอมรับว่าเขามีความสามารถต่ำกว่าเขาจึงมุ่งมั่นทุ่มเทฝึกเพื่อพัฒนาอย่างมาก เปรียบการพัฒนาเป็นแบบวิ่งเพื่อที่จะยกระดับมาตรฐานให้ทันหรือเหนือกว่าทีมชาติไทย
ประการที่สี่ ถ้าพิจารณาสมรรถภาพร่างกายของนักฟุตบอล จากที่เห็นตั้งแต่เล่นชุด U-19 ปีเป็นต้นมาจนถึงชุด U-23 ปี ต้องยอมรับว่านักฟุตบอลแต่ละคนมีสภาพร่างกายที่แข็งแรง ร่างกายมีกล้ามเนื้อที่ใหญ่และแข็งแกร่งมากขึ้น เพราะผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องบอกว่าใช้วิทยาศาสตร์เข้ามาเสริมด้านสมรรถภาพ แต่ถ้าพิจารณาอย่างละเอียดมากขึ้นจะเห็นได้ว่า นักฟุตบอลมีกล้ามเนื้อที่ใหญ่และแข็งแรงขึ้น แต่สภาพการเคลื่อนที่ด้านความเร็วและความคล่องแคล้วว่องไวลดลง ซึ่งจะเห็นได้จากการที่จะใช้ความเร็วในการเล่นในเกมการแข่งขันไม่ได้เปรียบคู่ต่อสู้อย่างเห็นได้ชัดเจน สิ่งที่กล่าวมานี้น่าจะมีความเข้าใจในเรื่องการนำวิทยาศาสตร์เข้ามาใช้ยังไม่ถูกต้องนัก เพราะสิ่งที่ทำอยู่นำนั้นคือการนำนักฟุตบอลเข้าไปฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อด้วย ลูกน้ำหนักหรือเครื่องบริหารกาย (Weight Trainning ) ซึ่งเรื่องนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการพัฒนาสมรรถภาพทางกายของนักฟุตบอล เพราะการเล่นฟุตบอลต้องใช้สมรรถนะอีกหลายอย่างเช่น ต้องพัฒนาด้านความคล่องแคล่งว่องไว ด้านความเร็ว ความอดทน ความอ่อนตัว ความเร็วและอดทน และด้านพลัง เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้จากสมรรถนะทางกายของนักฟุตบอลที่ฝึกเตรียมไว้เล่นในลีกอาชีพในยุโรป และอเมริกาใต้...ส่วนคำว่านำวิทยาศาสตร์มาช่วยเสริมสมรรถภาพร่างกายนั้นไม่ใช่เพียงสร้างความแข็งแรงของร่างกายเท่านั้น ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องนำเข้ามาเสริมอีกเช่น ด้านจิตวิทยา ด้านโภชนาการ ด้านทักษะทางกลไกการเคลื่อนไหว เป็นต้น....
ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องต้องวางแผนในการพัฒานาในทุกด้านให้มีความครอบคลุมและละเอียดมายิ่งขึ้นเพื่อความยิ่งใหญ่ของทีมชาติไทยในอนาคต...