วันอังคารที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2560



ไทยได้อะไรจาก..การแข่งขันรายการ M-150 Cup 2017

ภาพจาก www.pantip.com

                                     การแข่งขันฟุตบอล U-23 รายการ M-150 Cup 2017 ได้เสร็จสิ้นลงไปแล้ว แม้ว่าทีมชาติไทยชุดนี้ทำได้เพียงอันดับที่ 4 ซึ่งเป็นผลงานที่ไม่ดีอย่างที่หวัง หลายคนอาจจะไม่พอใจ กับผลของการแข่งขัน ยิ่งผลการแข่งขันที่แพ้ทีมเวียดนามในการชิงอันดับที่ 3 ด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ แต่ถ้าเปิดใจรับสถานะการณ์ แล้วพิจารณาให้ดี เพราะเหรียญยังมี 2 ด้าน ควรวิเคราะห์ข้อมูลจากสถานะการณ์นั้นว่าเป็นอย่างไร ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แล้วหาวิธีการปรับปรุงแก้ไข ก็จะเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อทีมฟุตบอลไทย
                                    ข้อคิดที่น่าสนใจจากการแข่งขันรายการนี้
                                1. ด้านทัศนติ เรามีความเชื่อมั่นในตัวเองว่าทีมไทยมีศักยภาพดีในระดับเอเซีย เพราะเคยได้อันดับที่ 4 ในการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์มาแล้ว และเหนือกว่าทุกทีมในย่านอาเซี่ยน เลยทำให้ประมาท และมองข้ามการพัฒนาการทีมของทีมอื่นๆ
                              ข้อคิด..ต้องปรับทัศนคติ ไม่ควรติดยึดอยู่กับเรื่องในอดีต ว่าเราเคยมีผลงาน หรือเก่งเหนือทีมบางทีม และคงจะเป็นอย่างนั้นเสมอไป แต่ควรมองว่าความสามารถของเรานั้นสามารถเข้าใกล้กลุ่มระดับแนวหน้าของเอเซียแล้ว ดังนั้นควรมุ่งมั่นพัฒนาขีดความสามารถของตนเพิ่มมากยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับขึ้นไปให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน ถ้าทำเช่นนี้ศักยภาพของเราก็จะรักษาระยะห่างจากกลุ่มทีมที่อยู่ในอาเซี่ยนไว้ได้ตลอดไป

 ภาพจาก www.rakball.com

                              2. ด้านทักษะการเล่น ซึ่งผู้เล่นคิดว่ามีศักยภาพดี เพราะเล่นอยู่ในระดับลีกสูงสุดของประเทศ ซึ่งเป็นลีกในกลุ่มแนวหน้าของเอเซีย น่าจะมีประสบการณ์ที่เหนือกว่า สามารถเล่นได้ดีกว่าในเกมระดับชาติชุดเล็ก
                               ข้อคิด..ต้องเข้าใจว่าการที่ได้ขึ้นไปเล่นในลีกสูงสุดของประเทศ ไม่ใช่ว่าผู้เล่นคนนั้นมีความสามารถเก่งจริงๆ ที่เล่นได้ดีขนาดนั้นเพราะเพื่อนร่วมทีมที่โตกว่า มีประสบการณ์มากกว่า เปิดทางการเล่น สนับสนุน และช่วยเหลือในเกมการเล่น ทำให้เราสามารถสร้างผลงานที่ดีออกมาได้ง่าย แต่พอมาเล่นในทีมรุ่นราวคราวเดียวกัน จะสร้างผลงานไม่ลื่นไหล เพราะเพื่อนร่วมทีมมีเซนท์ในการเล่นบอลไม่เหนือกว่าไม่เหมือนอย่างที่เคยเล่นในบอลลีก จึงไม่สามารถเปิดทางการเล่น สนับสนุน หรือช่วยเหลือในการเล่น ได้อย่างที่ควรจะเป็น ผลงานการเล่นจึงออกมาไม่ดี
                              3. ด้านการฝึกซ้อม ช่วงนี้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ มีนโยบายปรับการเตียมทีม โดยใช้โค้ชจากต่างชาติมาทำทีม น่าจะกระตุ้นเร้าให้นักกีฬามีวินัยดีขึ้น พัฒนารูปแบบ เกมการเล่นและสมรรถภาพทางกายให้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านๆมา แต่ทำได้ไม่โดนใจกลุ่มที่มีบอลไทยอยู่ในสายเลือด
                               ข้อคิด..การฝึกซ้อมควรทำให้เหมาะกับผู้เล่นและทีม ซึ่งการฝึกควรทำเป็นขั้นเป็นตอนไม่ควรเร่งรัด เพราะนักกีฬาจะมีความรู้ความเข้าใจทุกรายละเอียดของเทคนิคและแทคติก รวมถึงสถานะการณ์ต่างๆที่พบจะต้องเล่นอย่างไรจึงเหมาะสมและได้เปรียบ และที่สำคัญต้องฝึกซ้อมรูปแบบที่ต้องใช้เล่นในเกมแข่งขันจริงๆให้มีความเข้าใจรูปแบบ วิธีการเล่นที่ตรงกัน จนเกิดความชำนาญเข้าขากันให้ได้ แต่ไม่ควรให้นักกีฬาเล่นด้วยจินตนาการของตนเองมากเกินไปเพราะจะทำให้เกมไม่ลื่นไหล ควรใช้เพื่อการแก้ปัญหาเฉพาะหรือเพื่อสร้างโอกาสของความได้เปรียบให้เกิดขึ้นเป็นหลักเท่านั้น

ภาพจาก www.smmsport.com

                              4. ด้านการประชาสัมพันธ์ ในแง่ของการโปรโมทตัวนักกีฬาและทีม ซึ่งมักจะให้การชื่นชมยกย่องนักกีฬาและทีม ทำนองว่าดีหรือเก่งขั้นเทพเหนือกว่า เด็กหรือทีมรุ่นเดียวกัน ทำให้นักกีฬามีลักษณะเชื่อมั่นในตัวเองคล้ายกับลักษณะในข้อที่ 1     
                              ข้อคิด..อันที่จริงก็เป็นดาบ 2 คม ถ้าในด้านดีจะเป็นแรงเสริมกระตุ้นให้นักกีฬามีความเชื่อมั่นในความสามารถของตนไม่ตื่นตกใจในเกมการแข่งขันใหญ่ๆ และช่วยกระตุ้นให้นักกีฬาหน้าใหม่พยายามพัฒนาตนให้เก่งหรือดียิ่งขึ้นเพื่อก้าวขึ้นไปเล่นในระดับที่สูงขึ้น มีจำนวนเพิ่มขึ้นทำให้เด็กต้องแข่งขันพัฒนาตนเองเสมอ และเป็นผลดีมีนักกีฬาดีๆมาให้เลือกใช้มากขึ้นด้วย ส่วนอีกด้านหนึ่งในแง่ลบ อาจจะทำให้นักกีฬาหลงตัวเองเพราะมองเห็นว่าในประเทศ คนอื่นๆมีความสามารถน้อยกว่า ขณะปัจจุบันแม้ว่าเราไม่ต้องพัฒนาความสามารถอะไรเพิ่มเลย คนอื่นๆยังเล่นสู้เราไม่ได้เลย ซึ่งอาจทำให้นักกีฬาผู้นั้นขาดการพัฒนาที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง เมื่อเวลาล่วงเลยไปจึงพบว่ายังมีข้อบกพร่องอีกหลายอย่างที่รอการแก้ไข ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นแล้วอาจจะสายเกินกว่าที่จะแก้ไขได้..เป็นต้น
                              การแพ้ในเกมการแข่งขันในรายการนี้เพื่อทดสอบทีมเป็นสิ่งที่ดี โค้ชจะได้เห็นความบกพร่องจุดอ่อนของผู้เล่นและทีม จะได้จัดวางตัวผู้เล่นได้อย่างเหมาะสม ปรับแก้ไขให้ทีมมีความสมบูรณ์ มีแทคติกการเล่นที่ดีขึ้น และความสัมพันธ์ในทีมมีความลงตัวสัมพันธ์กันมากขึ้น ทีมมีความสมบูรณ์พร้อมทำศึกใหญ่ในการชิงแชมป์เอเซียต่อไป.......    

                                    

วันอังคารที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2560



ได้อะไรจากเกม ไทย vs ญี่ปุ่นใน M-150 cup 2017

ภาพจาก www.rakballthai.com

                       การแข่งขันฟุตบอลรายการ M-150 cup 2017 ที่สนาม ไอ-โมบาย สเตเดียม จ.บุ์รีรัมย์เป็นการแข่งขันในรุ่นอายุไม่เกิน 23 เมื่อวันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม 2560 ทีมชาติไทยพบกับทีมญี่ปุ่น ผลการแข่งขัน ทีมไทย ชนะ 2:1 ประตู...ผลของการแข่งขันทำให้คนไทยมีความสุข เพราะระยะหลังๆมานี้การแข่งขันรายการต่างๆทีมชาติไทยเอชนะทีมญี่ปุ่นไม่ได้ เพราะทีมญี่ปุ่นยกระดับมาตรฐานการเล่นฟุตบอลขึ้นสู่ระดับโลกไปแล้ว ถ้าคิดง่ายๆแสดงว่าทีมไทยช่วงนี้ได้ยกระดับมาตรฐานสูงขึ้น แต่ถ้าพิจารณาให้ละเอียดว่ามีการพัฒนาไปมากน้อยเพียงใด
                              จากเกมการแข่งขันจะเห็นได้ว่าทีมไทยชุดนี้มีสมรรถภาพร่ากายดีขึ้น สามารถเคลื่อนที่ขึ้นลงช่วยกันได้เพิ่มมากขึ้น มีรูปแบบการเล่นชัดเจนเพิ่มขึ้นในบางอย่าง เช่นทีมไทยจะใช้แทคติกโยนลูกโด่งเข้าโจมตีแนวรับของทีมญี่ปุ่น ซึ่งส่งผลให้ทีมญี่ปุ่นพลาดเสียประตูที่ 1 โดยผู้รักษาประตูออกมาตัดบอลที่ทีมไทยโยนเข้าไปกดดันแล้วรับบอลพลาด บอลหลุดมาเข้าทางฝ่ายไทยทำให้ยิงเข้าประตูไป ส่วนลูกที่ 2 ฝ่ายไทยโยนบอลข้ามแนวรับของญี่ปุ่น ผู้เล่นกองหน้าทีมไทยใช้ตวามเร็ววิ่งโฉบเอาบอลหลุดเข้าไปยิงประตูทันที ส่วนการเล่นแบบอื่นไม่ว่าจะใช้ผู้เล่นที่มีความเร็วเพื่อเจาะทางด้านข้างก็ไม่สามารถสร้างเกมกดดันให้เห็นได้ชัดเจน หรือการเล่นบอลสั้นโดยการต่อบอลเพื่อทำชิ่งและเล่นแบบเจาะตามช่องเพื่อทะลุผ่านแนวรับเข้าไปก็ไม่สามารถทำได้ชัดเจนเช่นกัน..ทั้งๆที่ทีมญี่ปุ่นชุดนี้น่าจะมีอายุโดยเฉลี่ยน้อยกว่าและคงไม่ใช่ชุดที่จะใช้แข่งขันในรายการชิงแชมป์เอเซีย
 
 ภาพจาก www.football-tribe.com

                               ส่วนทีมญี่ปุ่น ผู้เล่นแต่ละคนที่ลงไปเล่นในสนาม ไม่มีอาการตื่นสนาม ไม่ตกใจหรือกังวลใจที่ต้องเจอคู่ต่อสู้ที่รุ่นใหญ่กว่า ทุกคนเล่นอย่างเต็มที่ เล่นอย่างมีวินัย แม้บางครั้งมีความผิดพลาดบ้าง เขาก็ตั้งใจและที่สำคัญคือเล่นตามรูปแบบและระบบที่ฝึกซ้อมมา นอกจากนั้นเขาต้องเล่นตามที่โค้ชกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด จะไม่เล่นนอกเหนือแบบที่กำหนดการเล่นจึงมีรูปแบบที่ชัดเจนผู้เล่นแต่ละคนจะเคลื่อนที่ทำทาง สนับสนุนทั้งเกมรุกและถอยกลับลงมารับกันทั้งทีม เช่นเกมรุกเข้าทำประตูเขาครองบอลแล้วเคลื่อนที่ทำทาง ทำให้สามารถเจาะทะลุแนวรับหลุดเดี่ยวเข้าไปยิงประตูได้ถึง 2 ครั้งแต่ทีมไทยโชคดีที่ผู้รักษาประตูวิ่งออกมาบล็อคไว้ได้ ไม่เช่นนั้นผลการแข่งขันอาจจะไม่เป็นอย่างที่เห็นก็เป็นได้
                              ถ้ามาพิจารณาดูว่ามีจุดใดบ้างที่น่าจะเป็นข้อสังเกต..ซึ่งถ้าปรับเปลี่ยนแล้วทีมไทยชุดนี้จะยก ระดับความสามารถสูงขึ้นและจะทำผลงานออกมาได้ตามเป้าหมายที่ต้องการได้นั้น..
                       1.ต้องกำหนดรูปแบบในการเล่นที่ชัดเจนในการขึ้นเกมรุกและการเข้าทำประตูที่เหมาะกับทีม และฝึกซ้อมเข้มให้มีความสัมพันธ์ เข้าขากันมากที่สุดแบบมองตาก็รู้ใจทำนองนั้นเป็นต้น
                       2.ต้องสร้างให้มีวินัยในการเล่น  เช่นเมื่อเจอสถานะการณ์แบบนี้  จะต้องเล่นแบบที่เราซ้อมมาเท่านั้นไม่ควรเล่นเป็นอย่างอื่นที่ไม่ได้ซ้อมกันมา เพราะจังหวะการเล่นจะพลาดไม่ลงตัว
                    3.ต้องปรับทัศนคติ ด้านความคิดสร้างสรรค์ของผู้เล่น แบบไม่ปิดกั้นที่มีจินตนาการในการเล่น แต่ต้องแนะนำให้เลือกที่จะเล่นในสถานะการณ์ที่ได้เปรียบแต่ต้องถูกต้องเหมาะสม มิใช่คิดและเล่นตามความต้องการของตนเอง ซึ่งเขาสามารถทำได้แต่ไม่เหมาะกับโอกาสและช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งจะทำให้การเเล่นของทีมไม่ลื่นไหล ติดๆขัดๆโอกาสที่ดีจะหลุดลอยไป
                        4.ต้องสร้างจิตสำนึกในการมีวินัยในเกมรับให้มากขึ้น    โดยสร้างให้ผู้เล่นทุกคนต้องถอยกลับลงมาช่วยป้องกันทันที ที่ฝ่ายเราเสียการครอบครองบอลไป..เป็นต้น.

วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2560



สัญชาตญาณกับการเป็น..โค้ช


ภาพจาก www.jingjonews.com

                                ทำไมโค้ชที่ทำหน้าที่ในการคุมทีมต่างๆจึงประสบความสำเร็จไม่เหมือนกัน..ทั้งๆที่โค้ชแต่ละคนนั้นผ่านการอบรมในหลักสูตรตามมาตรฐานของฟีฟ่ามาด้วยกัน..?
                                  ความจริงโค้ชทุกคมมีความรู้ความสามารถเหมือนๆกัน เพียงแต่การนำความรู้ออกมาใช้ได้มากกว่ากัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าโค้ชที่มีแบบฝึกมาใช้ฝึกนักกีฬามากกว่าจะประสบความสำเร็จมากกว่า เพราะการฝึกนั้นอาจจะไม่ตอบโจทย์ ของการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องหรือการพัฒนาได้จริง ซึ่งแตกต่างจากโค้ชอีกคนหนึ่งที่จัดการฝึกในส่วนที่จำเป็นแล้วตอบโจทย์ได้ถูกต้อง จะทำให้ทำผลงานได้ดีกว่าเสมอๆ
                               สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่อาจจะนึกไม่ถึง คือ..การมีสัญชาตญาณพิเศษ ที่บางคนมักจะพูดแบบเล่นๆว่า"มีเซนท์" ซึ่งถ้าโค้ชคนใดมีสิ่งนี้อยู่มากจะดลจิตให้เกิดความรู้สึกอะไรบางอย่างในสถานะการณ์ที่พบอยู่นั้น แล้วจึงนำมาเป็นข้อคิดในการตัดสินใจกระทำอะไรบางอย่างออกมาเพื่อให้เกิดผลรับที่ดีได้ อย่างเช่น...

 ภาพจาก www.pantip.com

                             โค้ชบางคนเห็นเด็กคนหนึ่งที่กำลังเล่นฟุตบอลอยู่ การเล่นนั้นเป็นปกติไม่แตกต่างจากกลุ่มเพื่อนๆ แต่เด็กคนนั้นมีอะไรบางอย่างที่เข้าตาโค้ช จึงได้รับโอกาสในการไปฝึกพัฒนาศักยภาพจนเก่งขึ้นมาเป็นยอดนักเตะได้..เช่น อาจารย์ประวิทย์ ไชยสาม อดีตโค้ชทีมชาติไทย สมัยที่ยังทำหน้าที่โค้ชเยาวชนสังกัดกรมพลศึกษา ได้พบเด็กคนหนึ่งรู้สึกพอใจจึงชักนำฝึกและพัฒนา ผลสุดท้ายเด็กคนนั้นก้าวขึ้นมาเป็นยอดศูนย์หน้าของเมืองไทยและของเอเซีย นักฟุตบอลผู้นั้นคือเพชฌฆาตหน้าหยก..คุณปิยะพงษ์ ผิวอ่อน นั่นเอง

 ภาพจาก www.pantip.com

                              โค้ชบางคนสามารถคาดสถานะการณ์ล่วงหน้าได้..เช่น คาดว่าโค้ชทีมคู่ต่อสู้น่าจะคิดอะไรอยู่ และน่าจะใช้แผนและวิธีการอะไรมาจัดการกับทีมของตน ดังนั้นเขาจึงเตรียมแผนและวิธีการที่เหมาะสมไว้รับมือคู่ต่อสู้ได้อย่างถูกต้อง ทำให้ทีมไม่เสียเปรียบ แล้วอาจจะวางแผนโต้ย้อนกลับทำให้เกิดผลการแข่งขันออกมาได้ดีกว่าอีกด้วย ซึ่งอาจจะเห็นได้จากโค้ชของทีมสโมสรยักษ์ใหญ่ในทุกลีก..หรือโค้ชของทีมเล็กที่สามารถทำให้ทีมพลิกล็อกค์เอาชนะทีมใหญ่ๆมาได้เป็นต้น...

 ภาพจาก www.hotlinesoccer.com

                                 ดังนั้นโค้ชที่มีความสามารถดี นอกจากมีความรู้ดีและสามารถนำความรู้ไปใช้พัฒนางานได้จริงแล้ว ยังต้องมีเซนท์พิเศษในการคาดการณ์ต่างๆว่าสิ่งหรือสถานะการณ์ที่จะต้องพบเจอข้างหน้านั้น จะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร อ่านเกมการเล่นว่าน่าจะเป็นอย่างไร แล้วมาวางแผนการเล่นให้กับทีม พร้อมเตรียมการแก้ไขสถานะการณ์เกมที่น่าจะเกิดขึ้นไว้ล่วงหน้า พร้อมทั้งสามารถแก้เกมที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้านั้นได้ถูกต้อเหมาะสมได้ ย่อมส่งเสริมผลงานให้สำเร็จเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไป....
                               

วันพุธที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2560



สัญชาตญาณ..ของนักฟุตบอล.

ภาพจาก www.matichon.co.th

                                   มนุษย์เรามีบางสิ่งบางอย่างที่มีค่าซ่อนอยู่ภายในตัว ถ้าลองเฝ้าสังเกตดูตัวเองสักระยะหนึ่ง จะพบว่าตัวตนที่แท้จริงของเราน่าจะมีอะไรเป็นศักยภาพพิเศษอยู่ด้วย   คงไม่ใช่มีอำนาจหรือพลังพิเศษเหมือนยอดมนุษย์ในนิยาย    แต่สิ่งที่มีอยู่ในตัวน่าจะเป็นสัญชาตญาณประจำตัวของแต่ละบุคคล ซึ่งถ้าเรารู้แล้วสามารถดึงเอาออกมาใช้ให้เหมาะสมกับโอกาส ย่อมจะทำให้บุคคลนั้นมีศักยภาพเพิ่มขึ้นได้แน่นนอน
                                  นักฟุตบอลบางคนพลาดโอกาสที่จะแสดงศักยภาพที่ดีที่สุดของตนออกมา เพราะตนเองค้นไม่พบสิ่งที่ดีในตัวและโค้ชก็มองไม่เห็นเช่นกัน จึงเล่นได้ไม่โดดเด่นอย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
                                สัญชาตญาณบางอย่างที่สังเกตเห็นได้จากพฤติกรรมที่แสดงออกมาของนักฟุตบอลแต่ละคนนั้น อย่างเช่น

 ภาพจาก www.pokerdee.info

                              เราจะเห็นเด็กบางคนชอบ รอบอลอยู่บริเวณหน้าประตูของคู่ต่อสู้และพยายามหาบอลแล้วนำไปยิงประตูเสมอๆ ยิ่งถ้าเขามีทักษะในการยิงประตูที่ดีด้วยแล้ว เด็กคนนั้นน่าจะมีสัญชาตญาณในการเล่นกองหน้าตัวเป้าที่ดีได้

 ภาพจาก www.minrror.co.uk

                              ส่วนเด็กบางคนจะมีความเป็นห่วงกังวลไม่ต้องการเป็นผู้แพ้ จึงไม่ละทิ้งบริเวณพื้นที่หน้าประตูของฝ่ายตนเอง    และพยายามต่อสู้เพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้เข้ามายิงประตู ลักษณะดังกล่าวนี้น่าจะมีสัญชาตญาณในการเล่นกองหลัง

      ภาพจาก www.penditfootballcom

                              ส่วนเด็กอีกกลุ่มหนึ่งอาจจะมั่นใจในตัวเองว่ามีความสามารถดีพอควร สามารถครองบอลได้ดี   สนับสนุนเพื่อนที่เล่นกองหน้าและสามารถพาบอลทะลุเข้าไปยิงประตูด้วยตัวเองได้ด้วย   ลักษณะเช่นนี้น่าจะมีสัญชาตญาณในการเล่น   ตำแหน่งหน้าต่ำหรือกองกลางตัวรุก

 ถาพจาก www.fansided.com

                             ส่วนเด็กที่มีความขยัน ดุดัน วิ่งไล่ ใจสู้เป็นพิเศษ เป็นห่วงทีมจึงสนับสนุนการเล่นทั่วไปทั้งกองหน้าและกองหลังมากหน่อย   เด็กลักษณะนี้น่าจะมีสัญชาตญาณในการเล่นตำแหน่งกองกลางตัวรับ

 ภาพจาก www.edition.cnn.com

                             ส่วนเด็กบางคนที่อาจจะเห็นว่าเขามีทักษะการใช้เท้าเล่นกับบอลได้ไม่ค่อยดี แต่เขาชอบเกมฟุตบอลมีความอยากเล่นและที่สำคัญยิ่งถ้ามีลักษณะไม่กลัวลูกบอลที่พุ่งเข้ามาหาตัว กลุ่มนี้เหมาะที่จะลองมาฝึกเป็นผู้รักษาประตูเป็นต้น
                            หากได้ค้นพบความพิเศษที่มีในตัวแล้ว หรือโค้ชก็เห็นเช่นกัน ถ้าได้มีโอกาสพัฒนาทักษะ เทคนิคและแทคติกเฉพาะตำแหน่งได้อย่างถูกต้องเหมาะสมแล้วเด็กเหล่านั้นจะมีโอกาสในการพัฒนาศักยภาพให้สูงขึ้น สามารถเล่นได้อย่างโดดเด่นในอนาคตแน่นอน.....