วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2561



กองหลังตั้งแนวรับ..อย่างไรดี !! (ตอนที่ 3)

ภาพจาก www.workpointtv.com

                               จากตอนที่แล้ว..ถ้าเห็นว่าแนวรับยังไม่แข็งแกร่งเพียงพอที่จะป้องกันการโจมตีจากกองหน้าคู่ต่อสู้ได้ เราอาจจะเพิ่มผู้เล่นแนวรับได้อีก
                             3. การวางกองหลัง 5 คน

ภาพที่ 1

                                  จากภาพที่ 1 ผู้เล่นกองหลังถูกกำหนดให้วางผู้เล่นไว้ถึง 5 คนเพื่อที่จะกระจายกำลังในการป้องกันให้ครอบคลุมพื้นที่และปิดพื้นที่ว่างให้ได้มากที่สุด โดยมีผู้เล่นหมายเลข 2 และหมายเลข 3 จะป้องกันพื้นที่ทางด้านข้าง ส่วนผู้เล่นหมายเลข 4 และหมายเลข 6 เป็นแนวรับคู่ที่ป้องกันบริเวณพื้นที่ตรงกลาง และผู้เล่นหมายเลข 5 จะเป็นแนวรับตัวสุดท้ายมีหน้าทีสอดซ้อนเก็บกวาดบอล (Sweepper)ที่จะหลุดลอดผ่านแนวรับทั้ง 4 คนที่อยู่ด้านหน้า ถ้าผู้เล่นหมายเลข 4, 6, และ 5 สามารถหมุนเวียนตำแหน่งสอด ช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ ยิ่งทำให้แนวรับมีความแข็งแกร่ง กองหน้าของคู่ต่อสู้จะไม่สามารถแจะทะลุเข้าไปยิงประตูได้โดยง่าย... 

ภาพที่ 2

                         จากภาพที่ 2 การยืนของแนวรับ 5 คนมีการปรับเปลี่ยนที่บริเวณพื้นที่ตรงกลาง โดยให้ผู้เล่นหมายเลข 4,และ 5 จะถอยลงต่ำไปยืนคู่กัน และให้ผู้เล่นหมายเลข 6 ยืนอยู่ด้านหน้าเพียงคน เดียว ซึ่งจะมีหน้าที่เป็นตัวอิสระ ( Libero ) ที่เล่นอยู่ด้านหน้าแนวรับ โดยจะเคลื่อนที่ช่วยเพื่อนในแนวรับทั้งทางด้านข้าง ด้านหลัง และถ้ามีโอกาสสามารถเคลื่อนที่สนับสนุนเติมเกมรุกโดยขึ้นไปเปิดบอลได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นผู้เล่นตำแหน่งนี้ต้องเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถสูงและมีจิตนาการสร้างสรรค์เกมที่ดีอีกด้วย....
                         การจะจัดผู้เล่นแนวรับแบบใดนั้นขึ้นอยู่กับความพร้อมของศักยภาพผู้เล่นที่มีอยู่ หรือการวางแทคติกในการเล่นที่โค้ชได้กำหนดไว้ เพื่อทำให้ทีมมีเกมรับที่แข็งแกร่งมากที่สุด...

วันจันทร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2561



กองหลังตั้งแนวรับ..อย่างไรดี..!! (ตอนที่ 2)

ภาพจาก www.umupir.com


                                    จากตอนที่แล้ว จะเพิ่มจำนวนผู้เล่นกองหลังให้มากขึ้น เพื่อปรับแนวรับให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
                                  2.การวางกองหลัง 4 คน

ภาพที่ 1

                                    จากภาพที่ 1 ผู้เล่นกองหลังถูกกำหนดให้มีผู้เล่น 4 คนซึ่งจะทำให้กระจายผู้เล่นในการควบคุมพื้นที่บริเวณหน้าประตูได้ดียิ่งขึ้น โดยผู้เล่นหมายเลข 3 และหมายเลข 6 จะป้องกันพื้นที่ทางด้านข้าง ส่วนคู่กลางคือหมายเลข 4 และหมายเลข 5 จะป้องกันพื้นที่ตรงกลางด้านหน้าประตู โดยเคลื่อนที่หมุนเวียนทดแทนตำแหน่งซึ่งกันและกัน

 ภาพที่ 2

                             จากภาพที่ 2 แนวรับ 4 คนจะช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกัน ในการทำหน้าที่ป้องกัน ดังตัวอย่างจะเห็นว่าผู้เล่นหมายเลข 6 เคลื่อนตัวเข้าไปป้องกันพื้นที่ริมเส้นด้านข้าง ส่วนผู้เล่น หมายเลข 5, 4, และ 3 จะเคลื่อนที่ตามไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อปรับพื้นที่ป้องกันให้มีที่ว่างน้อยที่สุดส่วนพื้นที่ด้านข้างที่ผู้เล่นหมายเลข 3 รับผิดชอบอยู่นั้น ถึงแม้ว่าจะเปิดพื้นที่ว่างไว้พอสมควรแต่ยังไม่ใช่เป็นพื้นที่อันตราย เพราะอยู่ไกลจากสถานะการณ์ที่กำลังถูกโจมตีอยู่ในขณะนี้แต่ถ้าสถานะการณ์เปลี่ยนคู่ต่อสู้เปลี่ยนแกนการเล่นมาฝั่งตรงข้าม แนวรับทั้ง 4 คนยังมีเวลาเพียงพอที่จะปรับแนวรับย้อนกลับมาป้องกันได้ทัน เพราะว่าระยะทางในการเดินทางของลูกบอลนั้นไกลพอสมควรเป็นต้น..

 ภาพที่ 3

                               จากภาพที่ 3 ผู้เล่นหมายเลข 3 และ 6 จะทำหน้าที่ป้องกันพื้นที่ริมเส้นด้านข้างสนาม ส่วนคู่กลางจะดูแลและป้องกันพื้นที่บริเวณตรงกลางด้าหน้าประตู ซึ่งเป็นพื้นที่อันตราย ดังนั้นคู่กลางจึงต้องมียุทธวิธีการเล่นที่เหมาะสมและสัมพันธ์กัน ตัวอย่างเช่น การเล่นแบบหน้า-หลัง คือมีผู้เล่นหมายเลข 4 เป็นสต๊อปเปอร์ตัวหน้า (Forstopper) จะเป็นตัวชนหรือสกัดผู้เล่นกองหน้าทื่ครองบอล เพื่อทำลายจังหวะการเล่นแล้วให้ผู้เล่นหมายเลข 5 ที่คอยสอดซ้อนอยู่ด้านหลังเป็นตัวเก็บกวาด(Sweeper)ตัดแย่งบอลคืนกลับมา

                                                               ภาพที่ 4
   
                                   จากภาพที่ 4 ลักษณะการยืนตำแหน่งของคู่กลาง จะแบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบ ซึ่งแต่ละคนจะรับผิดชอบกันคนละด้าน เช่น.คุ่ต่อสู้บุกโจมตีทางด้านขวา กองหลังหมายเลข 5 จะเคลื่อนที่ออกมาประกบทำหน้าที่เหมือนเป็นตัวสต๊อปตัวข้างหน้า ส่วนหมายเลข 4 จะถอยต่ำลงไปทำหน้าที่ คอยเก็บกวาด ส่วนถ้าคู่ต่อสู้โจมตีทางด้านซ้าย กองหลังหมายเลข 4 จะเคลื่อนออกมาประกบ กองหลังหมายเลข 5 จะเคลื่อนที่ถอยต่ำลงไปเพื่อคอยสอดซ้อนเก็บกวาด สลับกัน เปรียบเสมือนมีตัวสต๊อปเปอร์ 2 คน (Double Stop) สลับกันคนละด้านเพื่อทำหน้าที่สกัดคู่ต่อสู้เป็นต้น..

วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2561



กองหลังตั้งแนวรับ..อย่างไรดี.!!(ตอนที่ 1)

ภาพจาก www.workpointtv.com

                                        กองหลังเป็นกองกำลังที่สำคัญไม่น้อยกว่าส่วนอื่นๆ เพราะจะเป็นตัวชี้วัดว่าผลงานของทีมจะเสมอ หรือแพ้ในเกมการแข่งขัน
                               ปัจจุบันนี้จะเห็นการตั้งแนวรับของกองหลังหลายแบบ เช่นวางตัวผู้เล่นกองหลังจำนวน 3 คน 4 คน หรือ 5 คน ซึ่งจะเป็นไปตามระบบและแนวคิดของโค้ชแต่ละคน อย่างไรก็ตามการกำหนดผู้เล่นแบบใดนั้นจะขึ้นอยู่กับเหตุผลและเทคนิคการเล่นของแต่ละทีม แนวคิดพื้นฐานในการป้องกันทำได้ดังนี้
                           1.การวางกองหลัง 3 คน

ภาพที่ 1

                                 จากภาพที่ 1 แนวรับ 3 คนที่ต้องมีความสามารถดีจึงจะควบคุมพื้นที่หน้าประตูของตนเองได้ทั้งหมด โดยผู้เล่นหมายเลข 5 จะคุมพื้นที่แนวกลางแต่ต้องคอยสอดซ้อนผู้เล่นที่ป้องกันทางด้านข้างทั้ง 2 ด้านด้วย เสมือนเป็นตัวเก็บกวาดอยู๋ด้าหลังแนวรับ ส่วนผู้เล่นหมายเลข 4 และหมายเลข 6 จะป้องกันทางด้านข้างและบริเวณตรงกลางด้านหน้าของผู้เล่นหมายเลข 5 อีกด้วย

 ภาพที่ 2

                              จากภาพที่ 2 แนวรับ 3 คนจะปรับมายืนแบบ ด้านหน้า 1 คน ด้านหลัง 2 คน ซึ่งผู้เล่นหมายเลข 4 และหมายเลข 5จะคอยป้องกันทางด้านข้าเป็นหลักและคอยสอดซ้อนช่วยผู้เล่นหมายเลข 6 ด้วย ส่วนผู้เล่นหมายเลข 6 จะป้องกันในแนวกลางเป็นหลักแต่ต้องคอยหมุนเวียนตำแหน่งลงไปช่วยผู้เล่นที่อยู่ด้านหลังด้วย นอกจากนั้นยังสามารถขึ้นไปจ่ายบอลสนับสนุนเกมรุกของกองกลางได้อีกด้วย
                              การจัดผู้เล่นแนวรับที่มีจำนวนน้อยแสดงว่า ทีมเรานั้นมีขึดความสามารถเหนือกว่าคู่ต่อสู้อย่างมาก สามารถใช้เกมรุกกดดันได้ตลอดทั้งเกม คู่ต่อสู้เองก็ไม่สามารถใช้เกมรุกกลับมาสร้างปัญหาให้กับทีมของเราได้เป็นต้น

วันพฤหัสบดีที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2561



เล่นตำแหน่งกองกลาง..อย่างไรดี (ตอนที่ 2)

ภาพจาก www.twitter.com

                                 จากตอนที่แล้วได้กล่าวถึงกองกลางที่ใช้ผู้เล่นหลัก 2 คน ในตอนนี้ลองดูว่าถ้าเพิ่มผู้เล่นหลักเป็น 3 คนจะเล่นกันอย่างไร

 ภาพที่ 1

                            จากภาพที่ 1 เมื่อใช้ผู้เล่นกองกลาง 3 คนและเน้นที่เกมรุกจะใช้กลางตัวรุก 2 คน จะเห็นว่าผู้เล่นหมายเลข 8 และหมายเลข 6 เป็นกองกลางที่เดินเกมรุก สามารถส่งบอลให้ผู้เล่นกองหน้าเข้ายิงประตู สนับสนุนเกมรุกทางด้านข้างและเติมเกมรุกโดยการสอดทะลุแนวรับเข้าไปยิงประตู  ส่วนผู้เล่นหมยาเลข 4 จะทำหน้าที่เป็นกลางตัวรับ เพื่อป้องกันและตัดเกมรุกเมื่อคู่ต่อสู้ เปิดเกมรุกโต้ส่วนกลับและคอยสอดซ้อนช่วยป้องกันในบริเวณช่องว่างของกองกลางตัวรุกที่อยู่ด้านหน้าและพื้นที่ด้านข้างของสนาม ผู้เล่นทั้ง 3 คนสามารถเคลื่อนที่หมุนเวียนสลับตำแหน่งทดแทนกันได้เป็นต้น

 ภาพที่ 2

                           จากภาพที่ 2 จะเน้นที่เกมรับมากขึ้น จึงใช้กลางตัวรุกหมายเลข 8 เพียงคนเดียว ซึ่งต้องทำหน้าที่ส่งบอลให้ทั้งด้านข้างสนามและกองหน้าเพื่อสร้างเกมรุกให้เข้าไปยิงประตูและสอดทะละแนวรับเข้าไปยิงประตูเมื่อมีโอกาส ส่วนกลางรับจะเพิ่มจำนวนผู้เล่นมากขึ้นเป็น 2 คนคือหมายเลข 4 และหมายเลข 6 ที่ถอยลงมาเป็นแนวรับแถวแรก เพื่อสกัดกั้น ตัดเกมรุกของคู่ต่อสู้ ซึ่งจะสามารถคุมพื้นที่ในการป้องกันได้ดียิ่งขึ้น แต่ทั้ง 3 คนสามารถหมุนเวียนทดแทนตำแหน่งกันได้ 
                            ดังนั้นจะเห็นได้ว่าผู้เล่นตำแหน่งกองกลางที่เป็นตัวหลักที่คุมเกมรุกและรับในพื้นที่กลางสนามจริงๆจะมีเพียง 2 หริอ 3 คน แต่ที่จะกำหนดให้เป็นกองกลาง เป็น 4 หรือ 5 คนนั้น จะดึงเอาผู้เล่นที่อยู่ด้านข้างเช่น ปีกหรือแบ็ค ทั้ง 2 ข้างเข้ามาทำหน้าที่เสริมในกองกลางด้วย ก็จะทำให้กองกลางมีความแข็งแกร่งในการเล่นเกมรุกและเกมรับมากยิ่งขึ้นเป็นต้น แนวทางเบื้องต้นนี้ลองนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับผู้เล่นและระบบของแต่ละทีมได้ต่อไป

วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561



เล่นตำแหน่งกองกลาง..อย่างไรดี (ตอนที่ 1)

ภาพจาก www.dailimail.co.uk

                                   ตำแหน่งกองกลางถือว่าเป็นหัวใจสำคัญในการเดินเกมของทีม มีบทบาทหน้าที่มากกว่าตำแหน่งอื่นๆและต้องมีสมรรถภาพร่างกายที่ดีมากๆ เพราะต้องทำหน้าที่เปิดเกมรุก สนันสนุนการเข้ายิงประตู สนับสนุนการโจมตีทางด้านข้างสนาม เปลี่ยนแกนการเล่นทั้งด้านซ้าย - ขวา  เป็นแนวรับแถวแรก และสนับสนุนช่วยเหลือการป้องกันของกองหลัง 

ภาพที่ 1

ภาพที่ 2

ภาพที่ 3

ภาพที่ 4

 โค้ชหลายท่านได้กำหนดจำนวนผู้เล่นกองกลางไว้หลายแบบ เช่นกองกลาง 5 คน 4 คน 3 คน หรือ 2 คน ซึ่งเป็นไปตามระบบการเล่นที่แต่ละคนกำหนด อย่างไรก็ตามผู้เล่นกองกลางที่สำคัญที่มีตัวหลัก 2 คน ซึ่งแต่ละคนจะทำหน้าที่ต่างกันคือ เป็นกลางตัวรุกหนึ่งคน และจะเป็นกลางตัวรับอีกหนึ่งคน ทั้ง 2 คนนี้จำเป็นต้องทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ที่สุด โดยจะต้องรับผิดชอบในพื้นที่แดนกลางทั้งพื้นที่ที่ 1 และ 2 รวมทั้งสนุบสนุนการเล่นในพื้นที่ที่ 3, 4, 5, และ 6เป็นต้น  ดังนั้นถ้ากองกลางของทีมใดมีคุณภาพที่ดีกว่าจะสร้างความกดดันให้ทีมฝ่ายตรงข้าม และจะสร้างโอกาสไปสู่ชัยชนะในเกมการแข่งขันได้มากกว่าอีกด้วย

 ภาพที่ 5

                         จากภาพที่ 5 หน้าที่หลักของกองกลางที่สำคัญ เช่นกองกลางตัวรุกหมายเลข 4 จะควบคุมพื้นที่สีเหลือง ควบคุมการเล่นเกมรุก สนับสนุนการโจมตีจากทางด้านข้าง เปลี่ยนแกนการเล่น ซ้าย - ขวา และสนับสนุนการเข้ายิงประตู ส่วนหมายเลข 6 จะทำหน้าที่สนับสนุนเกมการรุกกับหมายเลข 4 และต้องเน้นควบคุมการเล่นเกมรับเมื่อทีมเสียการครอบครองบอลในพื้นที่สีแสด โดยทั้ง 2 ตำแหน่งนี้ต้องมีความสัมพันธ์กัน สามารถหมุนเวียนทดแทนตำแหน่งซึ่งกันและกันและทำหน้าที่แทนกันชั่วคราว  เพราะผู้เล่นตำแหน่งกองกลางแต่ละคนจะมีศักยภาพต่างกัน เช่นบางคนชำนาญในการเล่นแบบกดดันไล่แย่งบอล บางคนชำนาญในการเปลี่ยนแกนการเล่นและส่งบอลสร้างความได้เปรียบเพื่อสร้างเกมรุกที่ดุดันทันที อันที่จริงผู้เล่นกองกลางจะมีเทคนิคการแย่งบอลและจ่ายบอลได้ดีกว่าตำแหน่งอื่นๆอยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อผู้เล่นนั้นต้องมาร่วมเล่นด้วยกัน แต่ละคนต้องพิจารณาตัวเองว่าเรานั้นความชำนาญส่วนไหนมากกว่า ก็ควรจะทำในสิ่งนั้นไม่ใช่ว่าเราจ่ายบอลสู้เพื่อนไม่ได้ก็พยายามเป็นคนจ่ายบอลเอง เราควรให้หน้าที่นี้กับคนที่จ่ายบอลได้ดีกว่าทำหน้าที่ไป แล้วเราปรับมาเป็นตัวช่วยพักบอลและไล่แย่งบอลจึงจะเหมาะสมกว่าเป็นต้น
                         ถ้าจัดระบบการเล่นแบบใช้กองกลาง 4 คน ผู้เล่นคู่กลางจะทำหน้าที่แบบเดียวกับกองกลาง 2 คน เพียงแต่ทำหน้าที่สนับสนุนด้านข้างน้อยลงเพราะมีกองกลางตัวข้างมาช่วยเล่นอยู่แล้วอีกข้างละ 1 คนซึ่งจะทำในกองกลางมีกองกำลังที่เข้มแข็งเพิ่มขึ้น