วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2561



วางกองหน้าอย่างไร..!! (ตอนที่ 3)

ภาพจาก www.clipfasthd.com

                         จากตอนที่แล้วใช้ผู้เล่นกองหน้า 2 คน ครั้งนี้จะลดผู้เล่นกองหน้าลงใช้เพียงคนเดียว
เนื่องจากเน้นผู้เล่นแดนกลางและเกมรับให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

ภาพที่ 1

                          จากภาพที่ 1 จะเห็นได้ว่าผู้เล่นกองหน้าต้องทำหน้าที่อย่างหนักในเกมรุก เพราะหน้าที่หลัก คือต้องพยายามพาบอลเพียงคนเดียวฝ่าแนวป้องกันของคู่ต่อสู้เข้าไปทำประตู ดังนั้นถ้าต้องใช้เทคนิคการวางกองหน้าแบบนี้ ต้องมั่นใจว่าทีมเรามีผู้เล่นที่มีความสามารถดีพอ ไม่ว่าจะเป็นเคลื่อนที่หาพื้นที่ว่างได้ดีในทุกทิศทุกทางเพื่อสร้างโอกาสรับบอล การครอบครองบอล เลี้ยงบอลเก่ง มีความเร็ว แข็งแกร่ง เบียดชน บังบอล หนีตัวประกบเพื่อสร้างความได้เปรียบ และมีเทคนิคการยิงประตูที่ดีเป็นต้น

 ภาพที่ 2

                       จากภาพที่ 2 ผู้เล่นหน้าตัวเป้าหมายเลข 9 ต้องพยายามเคลื่อนอย่างรวดเร็วตัวที่หนีการประกบออกไปสู่พื้นที่ว่างที่ 1หรือที่ 2ที่อยู่ทางด้านข้าง เพื่อรับบอลจากเพื่อนร่วมทีมที่ส่งมาจากกองกลาง กองหลัง หรือผู้รักษาประตู เปิดเกมรุกโต้กลับทันที
ภาพที่ 3

                        จากภาพที่ 3 กองหน้าหมายเลข 9 เคลื่อนที่เช่นเดียวกับการเล่นในภาพที่ 2 แต่กองหลังคู่ต่อสู้ตามมาประกบ ทำให้พื้นที่ว่างเปลี่ยนไป มีพื้นที่ว่างเกิดขึ้นที่แนวกลางสนาม ดังนั้นต้องใช้ไหวพริบวิ่งสวนย้อนกลับมายังพื้นที่ว่างดังกล่าวเพื่อรับบอล แล้วกระชากบอลทะลุผ่านแนวรับเข้าไปยิงประตูทันที

ภาพที่ 4

                          จากภาพที่ 4 ถ้าดูแล้วจะคล้ายกับการเล่นในภาพที่ 3 จะแตกต่างตรงที่ว่า กองหน้าหมายเลข 9 เคลื่อนที่ไปยืนรอบอลอยู่ที่บริเวณด้านข้างสนามก่อน เพื่อบังคับให้กองหลังของฝ่ายรับต้องตามมาประกบตัวทำให้ พื้นที่บริเวณแนวกลางสนามหน้าประตูมีที่ว่างมากขึ้น เมื่อได้โอกาสจึงวิ่งกลับเข้ามาโฉบรับบอลจากเพื่อนร่วมทีมเข้าไปยิงประตู

 ภาพที่ 5

                        จากภาพที่ 5 ถ้าจำเป็นต้องเล่นอยู่ในแนวกลางสนาม กองหน้าหมายเลข 9 ต้องสร้างโอกาสการเล่นเองโดย การเคลื่อนที่หนีตัวประกบลงมาพร้อมใช้ตัวบังคู่ต่อสู้เพื่อรับบอล แล้วพาบอลหนี โยกตัวหลอก แล้วพลิกตัวกลับ กระชากบอลทะลุผ่านแนวรับเข้าไปยิงประตู

 ภาพที่ 6

                        จกภาพที่ 6 บางครั้งสถานะการณ์บังคับ ผู้เล่นองหน้าหมายเลข 9 ไม่สามารถเคลื่อนที่หนีกาประกบของคู่ต่อสู้ได้ จึงต้องสร้างความได้เปรียบในการเล่น..โดยการเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยการใช้ตัวเบียดบังคู่ต่อสู้ไว้แล้วรอบอลที่เพื่อนร่วมทีมส่งมา แต่ไม่ต้องจับบอล ปล่อยให้บอลกลิ้งผ่านตัวไปพร้อมกับ พลิกตัวตามบอลไปอย่างรวดเร็วแล้วยิงประตู (เตะลูกตามน้ำ) ทันที

ภาพที่ 7

                              จากภาพที่ 7 ในบางสถานะการณ์ที่ถูกกองหลังกดดันประกบตัวชิดจนไม่สามารถหนีหรือพลิกพาบอลไปได้ ดังนั้นต้องใช้ไหวพริบและหาตัวช่วยจากเพื่อนร่วมทีม เช่น..กองหน้าหมายเลข 9 ใช้ตัวเบียดบังคู่ต่อสู้ไว้ เพื่อรอรับบอลจากผู้เล่นหมายเลข 8 พักบอลไว้รอจังหวะ หรือเขี่ยบอลต่อให้ผู้เล่นหมายเลข 10 ที่วิ่งเติมขึ้นมาโฉบบอลทะลุแนวรับเข้าไปยิงประตูทันที..เป็นต้น..

 ภาพที่ 8

                              จากภาพที่ 8 ใช้ผู้เล่นกองหน้าตัวเดียวเช่นนี้ จะต้องมีสัญชาตญาณในการเข้าทำประตู เมื่อเห็นเพื่อนร่วมทีมสร้าเกมรุกขึ้นมา จะต้องเคลื่อนที่พุ่งเข้าไปในบริเวณพื้นที่หน้าประตู และที่สำคัญต้องเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงข้ามกับเพื่อนที่ครองบอลอยู่เพื่อดึงผู้เล่นกองหลังให้ตามมาและจะทำให้พื้นที่ที่เพื่อนพาบอลมานั้นมีที่ว่างในการเล่นเพิ่มขึ้น

ภาพที่ 9

                        จากภาพที่ 9 ต่อเนื่องจากภาพที่ 8 เมื่อผู้เล่นหมายเลข 11 สามารถเลี้ยงบอลผ่านแนวรับไปได้ จะทำให้ผู้เล่นกองหลังต้องพยายามสอดซ้อนช่วยกันปัองกัน สมาธิอาจจะเสียไป ทำให้กองหน้าหมายเลข 9 สามารถเคลื่อนที่หาจังหวะวิ่งโฉบเข้าหาบอลที่หมายเลข 11 ส่งผ่านเข้ามาให้ยิงประตูทันที..เป็นต้น
                      ถ้าใช้กองหน้าคนเดียว จะต้องเป็นผู้เล่นที่มีความพร้อมและแข็งเกร่งมากจึงจะกดดันและยิงประตูคู่ต่อสู้ได้ ไม่ว่าจะวางผู้เล่นกองหน้าไว้แบบใดก็ตาม กองหน้าทุกคนนั้นจำเป็นต้องมีสัญชาตญาณของเพรชฆาต มีความกระหายที่จะยิงประตูคู่ต่อสู้ตลอดเวลาที่มีโอกาส และต้องใช้โอกาสไม่เปลือง...

วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2561



วางกองหน้าอย่างไร..!! (ตอนที่ 2)

ภาพจาก WWW.footy433.com
                                    จากตอนที่แล้วเราวางกองหน้าไว้ 3 คนไปแล้ว ตอนนี้จะเน้นผู้เล่นในแดนกลางมากขึ้นจึงปรับลดผู้เล่นกองหน้าลง..แล้วจะเล่นกันอย่างไร..
                                     วางกองหน้า 2 คน

ภาพที่ 1

                                    จากภาพที่ 1 เมื่อใช้ผู้เล่นกองหน้า 2 คน จะมีลักษณะดังนี้ ผู้เล่นหมายเลข 9 ที่อยู่ข้างบนจะเล่นเป็นตัวหน้าเป้า มีหน้าที่วิ่งหาทางสร้างโอกาส รับบอล และยิงประตู ส่วนหมายเลข 10 ที่ยืนต่ำลงมาจะทำหน้าที่เป็นตัวหน้าต่ำโดยจะทำหน้าที่พักบอล สนับสนุนเกมรุก เปิดบอลให้กองหน้าตัวเป้าและทะลุขึ้นไปยิงประตูโดยทั้ง 2 คนสามารถเคลื่อนสลับหนุนเวียนเปลี่ยนตำแหน่งกันเป็นต้น

ภาพที่ 2

                            นอกเหนือจากกองหน้าตัวเป้าที่ต้องวิ่งหาทางสร้างโอกาส รับบอลจากผู้รักษาประตู ปีก กองหลังและกองกลางแล้ว ยังมีเทคนิคการเล่นกับผู้เล่นหน้าต่ำดังนี้..
                            จากภาพที่ 2 เมื่อผู้เล่นหน้าต่ำได้รับบอลแล้วต้องหาโอกาส ส่งบอลผ่านช่องว่างของแนวรับ ให้กองหน้าตัวเป้าที่วิ่งทะลุผ่านแนวรับเพื่อโฉบเอาบอลไปยิงประตู แล้วเคลื่อนตัวเติมขึ้นไปสนับสนุนทันที

ภาพที่ 3

                             จากภาพที่ 3 เมื่อกองหน้าตัวต่ำได้รับบอล ให้พลิกพาบอลขึ้นไป ดูที่กองหน้าตัวเป้าหมายเลข 9 ที่เคลื่อนที่หาพื้นที่ว่าง ถ้าไม่สามารถหนีตัวประกบได้ให้หนีตัวกลับลงมาเพื่อรับบอลจากหน้าต่ำหมายเลข 10 แล้วส่งบอลทำชิ่ง ให้หมายเลข 10 ที่วิ่งทะลุแนวรับโฉบเอาบอลไปยิงประตูทันที แล้วเคลื่อนที่สนับสนุนตามขึ้นไปด้วย

ภาพที่ 4

                              จากภาพที่ 4 กองหน้าตัวเป้าหมายเลข 9 เคลื่อนที่ไปพื้นที่ว่างรับบอลแล้วเลี้ยงบอลทะลุผ่านแนวรับไป แล้วหาโอกาสยิงประตู ถ้าไม่สามารถยิงปะตูได้ให้ส่งบอลให้หมายเลข10 ที่วิ่งสนับสนุบเกมรุกเติมขึ้นไปยิงประตูทันที

ภาพที่ 5

                                  จากภาพที่ 5 ในกรณีที่กองหลังยืนตำแหน่งป้องกันได้ดี ผู้เล่นกองหน้าตัวเป้าหมายเลข 9 อาจจะใช้เทคนิคการเล่นให้กองหลังเปิดพื้นที่ว่างให้โจมตี โดยเคลื่อนตัวเพื่อหนีตัวประกบลงมารับบอล เมื่อผู้เล่นกองหลังเคลื่อนที่ติดตามมาประกบตัวอย่างใกล้ชิด จะทำให้มีพื้นที่ว่างในแนวรับเกิดขึ้น ตัวหน้าต่ำหมายเลข 10 ต้องชิงโอกาสนี้ วิ่งไปยังพื้นที่ว่างนั้นเพื่อรับบอลจากเพื่อนร่วมทีมที่ส่งมาให้ แล้วสร้างเกมรุกเข้าไปยิงประตู หรือถ้าไม่มีโอกาสให้ส่งบอลให้ผู้เล่นหมายเลข 9 ที่เคลื่อนตัวกลับ ตามมาสนับสนุน ให้ยิงประตูต่อไป..เป็นต้น

วันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2561



วางกองหน้าอย่างไร..!! (ตอนที่ 1) 

ภาพจาก www.fourfourtwo.com
                                   กองหน้าเป็นผู้เล่นที่สำคัญไม่แพ้ส่วนอื่นๆ และสามารถสร้างโอกาสแห่งชัยชนะได้มากที่สุด ดังนั้นจะมีการจัดขุมกำลังกันอย่างไร
                                   วางกองหน้า 3 คน

ภาพที่ 1

                                 จากภาพที่ 1 น่าจะเป็นการวางผู้เล่นกองหน้าแบบเต็มสูบ เพราะวางไว้ถึง 3 คน
โดยผู้เล่นหมายเลข 9 จะทำหน้าที่เป็นหน้าตัวเป้าที่ต้องทำหน้าที่หาโอกาสทำประตูในพื้นที่กรอบเขตประตู และมีผู้เล่นหมายเลข 7 และหมายเลข 11 เป็นกองหน้าที่สร้างสรรค์เกมทางด้านข้าง

ภาพที่ 2

                                จากภาพที่ 2 ผู้เล่นหมายเลข 7 และ 11 จะต้องสร้างเกมเพื่อเจาะแนวรับบริเวณแนวด้านข้างสนาม แล้วหาโอกาสเปิดบอลทะลุช่องว่างผ่านแนวรับให้กองหน้าหมายเลข 9 ที่วิ่งฉีกหนีตัวประกบไปด้านตรงข้ามกับตัวข้างที่ทำเกมรุก แล้วหาจังหวะวิ่งตัดกลับมาทะลุผ่านแนวรับเพื่อโฉบเอาบอลที่ส่งมา เข้าไปยิงประตูเป็นต้น..

 ภาพที่ 3

                               จากภาพที่ 3 ผู้เล่นตัวรุกด้านข้างหมายเลข 7 สร้างเกมโดยการลากบอลตัดหน้าลายแนวรับเข้ามาด้านใน แล้วหาจังหวะในการส่งบอลให้กองหน้าตัวเป้าหมายเลข 9 เพื่อทำชิ่ง( wall pass) ให้ทะลุผ่านแนวรับคืนให้หมายเลข 7 เจาะผ่านเข้าไปยิงประตูเป็นต้น..

ภาพที่ 4

                               จากภาพที่ 4 กองหน้าตัวข้างหมายเลข 7 ทำเกมรุกจากด้านข้างแล้วลากบอลผ่านหน้าลายแนวรับเข้ามาด้านใน ขณะเดียวกันกองหน้าตัวเป้าหมายเลข 9 วิ่งตัดแนวรับหนีตัวประกบออกไปทางด้านข้าง..ถ้าตัวประกบสามารถติดตามมา เท่ากับว่ากองหน้าตัวเป้าสามารถเปิดพื้นที่ทำทางให้ผู้เล่นตัวรุกด้านข้างหมายเลข 11 วิ่งตัดเข้ามาในพื้นที่ว่างเพื่อโฉบมาเอาบอลที่หมายเลข 7 ส่งทะลุผ่านมาให้ เข้าไปทำประตูทันที...แต่ถ้าโอกาสเป็นใจตั้งแต่แรกที่หมายเลข 9 เคลื่อนตัวออกมาแล้วมีช่องว่างดังนั้นหมายเลข 7 อาจจะส่งบอลทะลุช่องให้หมายเลข 9 เล่นได้ทันทีคล้ายกับการเล่นในภาพที่ 2.เป็นต้น...


  ภาพที่ 5

                            จากภาพที่ 5 ในสถานะการณ์ที่กองหน้าตัวเป้าไม่สามารถเคลื่อนที่ทำเกมรุกได้มาก อาจจะเคลื่อนที่ถอยต่ำลงมารับบอลจากหมายเลข 7 แล้วใช้ตัวบังคู่ต่อสู้ไว้ แม้ว่าอาจจะไม่สามารถพลิกพาบอลไปได้ สิ่งที่ควรทำคือ..ส่งบอลกลับให้ผู้เล่นอื่น.. เช่นส่งคืนบอลให้หมายเลข 11 แล้ววิ่งเปิดทางเล่นช่วยหมายเลข 11...แต่ถ้ามีตัวประกบตามมาจะสามารถเปิดพื้นที่ด้านหลังไว้ ทำให้เป็นพื้นที่ว่างให้ผู้เล่นหมายเลข 7 วิ่งตัดขึ้นไปโฉบรับบอลที่หมายเลข 11 ส่งผ่านแนวรับมาให้ เข้าทำประตูทันที เป็นต้น...