วางกองหน้าอย่างไร..!! (ตอนที่ 3)
ภาพจาก www.clipfasthd.com
ภาพจาก www.clipfasthd.com
จากตอนที่แล้วใช้ผู้เล่นกองหน้า 2 คน ครั้งนี้จะลดผู้เล่นกองหน้าลงใช้เพียงคนเดียว
เนื่องจากเน้นผู้เล่นแดนกลางและเกมรับให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
จากภาพที่ 1 จะเห็นได้ว่าผู้เล่นกองหน้าต้องทำหน้าที่อย่างหนักในเกมรุก เพราะหน้าที่หลัก คือต้องพยายามพาบอลเพียงคนเดียวฝ่าแนวป้องกันของคู่ต่อสู้เข้าไปทำประตู ดังนั้นถ้าต้องใช้เทคนิคการวางกองหน้าแบบนี้ ต้องมั่นใจว่าทีมเรามีผู้เล่นที่มีความสามารถดีพอ ไม่ว่าจะเป็นเคลื่อนที่หาพื้นที่ว่างได้ดีในทุกทิศทุกทางเพื่อสร้างโอกาสรับบอล การครอบครองบอล เลี้ยงบอลเก่ง มีความเร็ว แข็งแกร่ง เบียดชน บังบอล หนีตัวประกบเพื่อสร้างความได้เปรียบ และมีเทคนิคการยิงประตูที่ดีเป็นต้น
จากภาพที่ 2 ผู้เล่นหน้าตัวเป้าหมายเลข 9 ต้องพยายามเคลื่อนอย่างรวดเร็วตัวที่หนีการประกบออกไปสู่พื้นที่ว่างที่ 1หรือที่ 2ที่อยู่ทางด้านข้าง เพื่อรับบอลจากเพื่อนร่วมทีมที่ส่งมาจากกองกลาง กองหลัง หรือผู้รักษาประตู เปิดเกมรุกโต้กลับทันที
ภาพที่ 3
จากภาพที่ 3 กองหน้าหมายเลข 9 เคลื่อนที่เช่นเดียวกับการเล่นในภาพที่ 2 แต่กองหลังคู่ต่อสู้ตามมาประกบ ทำให้พื้นที่ว่างเปลี่ยนไป มีพื้นที่ว่างเกิดขึ้นที่แนวกลางสนาม ดังนั้นต้องใช้ไหวพริบวิ่งสวนย้อนกลับมายังพื้นที่ว่างดังกล่าวเพื่อรับบอล แล้วกระชากบอลทะลุผ่านแนวรับเข้าไปยิงประตูทันที
ภาพที่ 4
จากภาพที่ 4 ถ้าดูแล้วจะคล้ายกับการเล่นในภาพที่ 3 จะแตกต่างตรงที่ว่า กองหน้าหมายเลข 9 เคลื่อนที่ไปยืนรอบอลอยู่ที่บริเวณด้านข้างสนามก่อน เพื่อบังคับให้กองหลังของฝ่ายรับต้องตามมาประกบตัวทำให้ พื้นที่บริเวณแนวกลางสนามหน้าประตูมีที่ว่างมากขึ้น เมื่อได้โอกาสจึงวิ่งกลับเข้ามาโฉบรับบอลจากเพื่อนร่วมทีมเข้าไปยิงประตู
ภาพที่ 5
จากภาพที่ 5 ถ้าจำเป็นต้องเล่นอยู่ในแนวกลางสนาม กองหน้าหมายเลข 9 ต้องสร้างโอกาสการเล่นเองโดย การเคลื่อนที่หนีตัวประกบลงมาพร้อมใช้ตัวบังคู่ต่อสู้เพื่อรับบอล แล้วพาบอลหนี โยกตัวหลอก แล้วพลิกตัวกลับ กระชากบอลทะลุผ่านแนวรับเข้าไปยิงประตู
ภาพที่ 6
จกภาพที่ 6 บางครั้งสถานะการณ์บังคับ ผู้เล่นองหน้าหมายเลข 9 ไม่สามารถเคลื่อนที่หนีกาประกบของคู่ต่อสู้ได้ จึงต้องสร้างความได้เปรียบในการเล่น..โดยการเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยการใช้ตัวเบียดบังคู่ต่อสู้ไว้แล้วรอบอลที่เพื่อนร่วมทีมส่งมา แต่ไม่ต้องจับบอล ปล่อยให้บอลกลิ้งผ่านตัวไปพร้อมกับ พลิกตัวตามบอลไปอย่างรวดเร็วแล้วยิงประตู (เตะลูกตามน้ำ) ทันที
ภาพที่ 7
จากภาพที่ 7 ในบางสถานะการณ์ที่ถูกกองหลังกดดันประกบตัวชิดจนไม่สามารถหนีหรือพลิกพาบอลไปได้ ดังนั้นต้องใช้ไหวพริบและหาตัวช่วยจากเพื่อนร่วมทีม เช่น..กองหน้าหมายเลข 9 ใช้ตัวเบียดบังคู่ต่อสู้ไว้ เพื่อรอรับบอลจากผู้เล่นหมายเลข 8 พักบอลไว้รอจังหวะ หรือเขี่ยบอลต่อให้ผู้เล่นหมายเลข 10 ที่วิ่งเติมขึ้นมาโฉบบอลทะลุแนวรับเข้าไปยิงประตูทันที..เป็นต้น..
ภาพที่ 8
จากภาพที่ 8 ใช้ผู้เล่นกองหน้าตัวเดียวเช่นนี้ จะต้องมีสัญชาตญาณในการเข้าทำประตู เมื่อเห็นเพื่อนร่วมทีมสร้าเกมรุกขึ้นมา จะต้องเคลื่อนที่พุ่งเข้าไปในบริเวณพื้นที่หน้าประตู และที่สำคัญต้องเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงข้ามกับเพื่อนที่ครองบอลอยู่เพื่อดึงผู้เล่นกองหลังให้ตามมาและจะทำให้พื้นที่ที่เพื่อนพาบอลมานั้นมีที่ว่างในการเล่นเพิ่มขึ้น
จากภาพที่ 9 ต่อเนื่องจากภาพที่ 8 เมื่อผู้เล่นหมายเลข 11 สามารถเลี้ยงบอลผ่านแนวรับไปได้ จะทำให้ผู้เล่นกองหลังต้องพยายามสอดซ้อนช่วยกันปัองกัน สมาธิอาจจะเสียไป ทำให้กองหน้าหมายเลข 9 สามารถเคลื่อนที่หาจังหวะวิ่งโฉบเข้าหาบอลที่หมายเลข 11 ส่งผ่านเข้ามาให้ยิงประตูทันที..เป็นต้น
ถ้าใช้กองหน้าคนเดียว จะต้องเป็นผู้เล่นที่มีความพร้อมและแข็งเกร่งมากจึงจะกดดันและยิงประตูคู่ต่อสู้ได้ ไม่ว่าจะวางผู้เล่นกองหน้าไว้แบบใดก็ตาม กองหน้าทุกคนนั้นจำเป็นต้องมีสัญชาตญาณของเพรชฆาต มีความกระหายที่จะยิงประตูคู่ต่อสู้ตลอดเวลาที่มีโอกาส และต้องใช้โอกาสไม่เปลือง...