การก้าวขึ้นสู่ระดับโลก
ภาพจาก www.siamsport.com
การจะก้าวขึ้นสู่ระดับโลกได้นั้น ไม่ใช่ได้มาจากโชคช่วย ซึ่งต้องยอมรับและขอชื่นชมกับทั้ง 2 ที่จากเอเซียแท้ คือทั้งทีมเกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ที่โชว์ ผลงานเยี่ยมจนเข้าไปเล่นในรอบ 16 ทีมได้อย่างน่าภาคภูมิใจ โดยเฉาะทีมญี่ปุ่นที่ใช้บริการโค้ชของญี่ปุ่นเองอีกด้วย...แม้ว่าทั้ง 2 ทีมไม่ได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ 8 ทีมก็ตาม แต่ถือว่าการพัฒนาศักยภาพในการเล่นของทีมทำได้ดีมากๆ เราน่าจะลองศึกษาวิธีการของพวกเขาว่า มีกระบวนการพัฒนาอย่างไร..
อันที่จริงทั้ง 2 ทีมกับทีมของไทย มีจุดเริ่มต้นด้านมาตรฐานการเล่นฟุตบอลที่ใกล้เคียงกัน แต่ทั้ง 2 ทีมมีจุดแข็งในด้านความมีวินัย และชาตินิยมสูงมาก จึงทำให้ในปัจจุบันมาตรฐานการเล่นห่างกันออกไปหลายช่วงตัว การที่จะยกระดับมาตรฐานของทีมให้ถึงระดับโลกนั้น ไม่ใช่แค่สร้างความฝันเท่านั้น การที่จะไปให้ถึง ต้องมีทั้งแรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นตั้งใจทำอย่างจริงจัง ดังนั้นองค์ประกอบที่ทำให้เกิดผลงานมีดังนี้
1. การสร้างแรงบันดาลใจ
1.1. กำหนดเป้าหมายสูงสุดให้ชัดเจน
1.2. กำหนดเป้าหมายรองเป็นลำดับขั้น
1.3. สร้างกระแสความนิยมให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม
2. การมุ่งมั่นตั้งใจทำอย่างจริงจัง
2.1. กำหนดแผนพัฒนาแม่บทระยะ 15 ปี
2.2. วางยุทธศาสตร์การพัฒนาเป็นช่วงๆตามลำดับขั้น
2.3. วางรูปแบบการสร้างกระแสความนิยมในทุกกลุ่มอย่างเป็นรูปธรรม
2.4. วางระบบการพัฒนา การติดตาม ควบคุม ประเมินผลการปฏิบัติ และปรับปรุงการพัฒนาให้เหมาะสมทันต่อสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต
จากองค์ประกอบดังกล่าวทั้ง 2 ทีมได้ทำอย่างจริงจังตลอดมา...ในที่นี้จะขอกล่าวเฉพาะทีมญี่ปุ่นเพื่อเป็นตัวอย่าง...
เมื่อกำหนดเป้าหมายสูงสุดไว้ถึงการได้เป็นแชมป์โลก พวกเขาลงมือสร้างแรงบันดาลใจตั้งแต่กลุ่มเด็กๆโดยของความร่วมมือจากผู้เขียนการ์ตูน ให้สร้างนิยายการ์ตูนเกี่ยวกับฮีโรนักฟุตบอลขึ้นมาและพัฒนาขึ้นเป็นนักฟุตบอลทีมชาติที่เก่ง พาทีมชนะในรายการต่างๆและสามารถชนะทีมอันดับ 1 ของโลกอย่างบราซิล จนก้าวไปถึงชนะเลิศได้เป็นแชมป์โลกในที่สุด นอกจากนั้นยังเปิดโอกาสให้เด็กๆได้เข้าชมเชียร์อย่างใกล้ชิดกับนักบอลและทีมที่รักอีกด้วย จัดการสร้างโค้ชฟุตบอลให้มีความรู้ความสามารถตามมาตรฐาน License ในทุกระดับให้เพียงพอเพื่อไปพัฒนาศักยภาพของเด็ก ให้มีความสามารถดีตามมาตรฐานสากลในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จัดการแข่งขันในระดับต่างๆจนถึงระดับการแข่งขันลีกอาชีพเพื่อพัฒนาศักยภาพและบ่มเพาะประสบการณ์ให้เพิ่มมากขึ้น พยายามดึงนักบอลระดับโลกแม้ว่าจะเลิกเล่นในลีกใหญ่ๆของโลก มาเล่นในลีกของประเทศเพื่อจะได้เป็นแบบอย่างและถ่ายทอดเทคนิคการเล่นในแบบมาตรฐานสากลให้นักบอลชาวญี่ปุ่นได้เห็นและเรียนรู้ เพื่อยกระดับความสามารถให้สูงยิ่งขึ้น และที่สำคัญได้สนับสนุนส่งเสริมให้ออกไปเล่นที่สโมสรต่างๆในลีกดังๆของยุโรป ซึ่งนักบอลเหล่านี้จะได้มีโอกาสได้ฝึกเทคนิกการเล่นแปลกใหม่และได้เรียนรู้วิธีการเล่นของนักบอลต่างๆที่เล่นในลีกยุโรป และที่มาจากทวีปต่างๆทั่วโลก ดังนั้นเมื่อนักบอลเหล่านี้กลับมาเล่นให้ทีมชาติก็จะทำให้ทีมมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น มีความมั่นใจไม่กลัวทีมอื่นๆเพราะเคยเจอกันมาแล้วในลีกยุโรปเป็นต้น....จากแนวทางบางส่วนแสดงให้เห็นว่าการที่ทีมไปสร้างผลงานที่ดีในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย..แต่เกิดมาจากความสามารถของนักบอล ทีมงานของผู้ฝึกสอน และการบริหารงานของสมาคมฟุตบอลของเขาจริงๆ....
ดังนั้นถ้าทีมชาติไทยจะยกระดับขึ้นสู่ระดับโลก คงต้องกลับมาทบทวนอย่างหนักเพื่อหาวิธีการและจัดการให้เป็นรูปธรรมอย่างถาวร...ซึ่งผู้เกี่ยวข้องในทุกระดับต้องรับผิดชอบ คงไม่ใช่ขายฝันไปเรื่อยๆ..ว่า 4 ปีข้างหน้าเราจะได้เข้าไปแข่งฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแน่นอนๆๆๆ หรือจะใช้วิธีลัดโดยจะอาศัยสิทธิ์การเป็นประเทศเจ้าภาพเลยที่จะได้เล่นในรอบสุดท้ายด้วย...ขนาดประเทศการ์ต้า ที่เป็นเจ้าภาพครั้งนี้ ก็มีแผนการสร้างทีมประมาณ 10 ปีโดยการสร้างและพัฒนาเด็กตั้งแต่อายุประมาณ 13-15 ปีเพื่อเตรียมทีมไว้เข้าแข่งขันในครั้งนี้ ก็ยังทำผลงานได้ไม่น่าพอใจ..เป็นต้น