วันอังคารที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2560



มุมมองการพัฒนาฟุตบอลในทวีปเอเซีย..

ภาพจาก thairath.c

                               AFC ได้จัดการสัมนาเรื่อง..     การพัฒนาฟุตบอลในทวีปเอเซีย..  ที่ประเทศมาเลเซียเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา โดยเชิญประธานเทคนิคของสมาคมฟุตบอลในแต่ละประเทศเข้าร่วมประชุม ซึ่งมีประเทศสมาชิกเข้าร่วมประชุมจำนวน 51 ประเทศ คุณวิทยา เลาหะกุล ประธานเทคนิคของไทยได้เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ด้วย และต้องขอบคุณ คุณวิทยา  เลาหะกุล ได้นำสาระที่ได้จากการประชุมมาเผยแพร่ ซึ่งจะขอนำสาระบางส่วนมานำเสนอเพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาการเล่นฟุตบอลต่อไป ข้อคิดเห็นจากผู้ร่วมสัมมนาที่มีความเห็นตรงกันว่าจุดอ่อนที่ต้องปรับปรุงแก้ไขกันต่อไป (จะขอขยายความพอเข้าใจดังนี้)
                           1.ด้านคุณภาพของเกมการเล่นโดยรวม..ยังต่ำกว่ามาตรฐานสากล  ที่ชัดเจนคือ
                                   1.1.ด้านความเร็วของเกมการเล่น ต้องเพิ่มความเร็วในการเล่นทั้งเกมรุกและเกมรับ
                                     1.2.ด้านความคิดสร้างสรรค์ในเกมการเล่น  ควรจะมีการเล่นเกมโดดเด่นและมีความหลากหลาย
                               2.ด้านเทคนิค ที่ฝ่ายเทคนิคของ AFC ได้วิเคราะห์จากทีมระดับแนวหน้าของเอเซียในการเข้าร่วมแข่งขันในรายการใหญ่ๆ มีดังนี้
                                       2.1.มีความเข้นข้นของเกมสูง     โดยผุ้เล่นต้องมีความตั้งใจทุ่มเทในเกมการเล่นอย่างจริงจังเต็มที่ เกมจึงจะดุดันเข้มข้นมากขึ้น
                                      2.2.ต้องเพิ่มด้านความเร็ว   โดยผู้เล่นต้องพัฒนาความเร็วให้มีมากยิ่งขึ้น
                                       2.3.เทคนิคการเล่นที่รวดเร็ว ทีมต้องเน้นการเล่นด้วย    เทคนิคที่รวดเร็วเพิมมากขึ้น
                                      2.4.ทำให้มีพื้นที่การเล่นน้อยลง    โดยพยายามบีบบังคับตัดพื้นที่ทำให้คู่ต่อสู้มีพื้นที่ในการเล่นและทำเกมรุกได้น้อยที่สุด
                                       2.5.กดตันอย่างได้เปรียบ     พยายามเล่นในเกมที่ทำให้คู่ต่อสู้เล่นได้ยากและบังคับให้เล่นในรูปเกมที่เรากำหนด
                                       2.6.การรุกโต้กลับเป็นทีม   เมื่อเปิดเกมรุกผู้เล่นทั้งกองหน้า กองกลางและกองกหลังต้องดำเนินการสนันสนุนเกมรุกร่วมกันทั้งทีม
                                      2.7.เสียแล้วกดดันทันที     เมื่อเสียการครอบครองบอลไป ต้องเข้าหากดดันไล่แย่งบอลกลับมาให้เร็ว
                                     2.8.มีแท็คติกการเล่นที่หลากหลาย      ต้องฝึกให้ทีมสามารถเล่นในยุทธ์วิธีที่กำหนดหลายรูปแบบ
                                     2.9.รักษาตำแหน่งในการเล่น  ไม่ว่าจะเล่นเกมรุกหรือเกมรับ ผู้เล่นทุกคนจำเป็นต้องสนับสนุนช่วยเหลือกันและเคลื่อนที่ทดแทนตำแหน่งซึ่งกันและกัน
                                     2.10.การสร้างสรรค์ในการขึ้นเกม    ควรมีการฝึกซ้อมรูปแบบในการรุกที่เหมาะสมหลากหลายแบบไว้ใช้ในการเล่น
                                      2.11.ความสัมพันธ์ในการเล่นที่ดีเพิ่มขึ้น       ต้องฝึกซ้อมให้ผู้เล่นมีความเข้าใจในเกมการเล่นในทางเดียวกัน สามารถเล่นกันได้อย่างต่อเนื่องสัมพันธ์กัน
                                   2.12.ผู้รักษาประตูคือตัวกวาด   ต้องฝึกให้ผู้รักษาประตูอ่านเกมตลอดเวลาและต้องฝึกให้ออกมาตัดบอลที่หลุดแนวรับมาและอยู่บริเวณนอกเขตโทษเปรียบเสมือนเป็นผู้เล่นตัวสุดท้ายอีกคนหนึ่ง
                                      2.13.แนวกองหลังดันขึ้นสูง แนวรับต้องฝึกให้เคลื่อนที่ขึ้นไปข้างหน้าเพื่อสนับสนุนการเล่นของกองกลางในระยะที่เหมาะสม
                                      2.14.การเล่นแบบคลุมพื้นที่ ต้องฝึกให้ผู้เล่นมีความเข้าใจและสามารถเล่นเกมรับและเกมรุกให้ครอบคลุมพื้นที่ทุกส่วนเพื่อไม่ให้เสียเปรียบและสร้างโอกาสที่ได้เปรียบมากกว่า
                                     2.15.ความหลากหลายในเกมรุก ต้องฝึกในการเข้าโจมตีหลายรูปแบบ ทั้งจากทางด้านข้าง จากแนวตรงกลางทั้งลูกบอลที่เลียดกับพื้นและลูกในอากาศ
                                 2.16.การปะทะต้องน้อยลง    ต้องฝึกให้ผู้เล่นเล่นหนักในเกม โดยไม่มีเจตนาที่จะพยายามเล่นที่คนมากกว่าเล่นบอล ซึ่งจะทำให้เสียโอกาสในการเล่นที่เปรียบของทีมไป และการฟาล์วจะลดลง
                                  3.โค้ชและผู้เล่นระดับโลกให้ข้อคิดด้านอื่นๆ..เช่น
                                     3.1.ต้องพัฒนาผู้ฝึกสอนในทุกระดับ เพราะโค้ชที่สร้างสรรค์สามารถช่วยผู้เล่นให้เล่นได้อย่างสร้างสรรค์เช่นกัน
                                       3.2.ผู้เล่นต้องพัฒนาสมรรถภาพทางกายให้เพิ่มมากขึ้น 
                                       3.3.ผู้เล่นต้องฝึกเทคนิคการเล่น 1 ต่อ1ให้มากกว่านี้
                                       3.4.ผู้เล่นต้องมีความกระหายชัยชนะในเกมตลอดเวลา
                                       3.5.ควรมีเกมการเล่นที่หลากหลาย
                                     3.6.ต้องวางแผนพัฒนาทีม   โดยการเข้าร่วมแข่งขันระดับชาติในแต่ละระดับอายุอย่างต่อเนื่อง
                                  3.7.ควรนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย     ในการเก็บข้อมูลของผู้เล่น   ประเมินความก้าวหน้าของผู้เล่นและเกมการเล่นของทีม เป็นต้น....
                                  ข้อคิดดังกล่าวเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ในการพัฒนาวงการฟุตบอลในทุกระดับของประเทศไทย แต่ผลสำเร็จจะเกิดขึ้นได้หรือไม่นั้น จะต้องขึ้นอยู่ที่....วิธีการพัฒนามากกว่า..!!!

วันเสาร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2560



ฝึกทักษะการเล่นเกมรุกให้มีประสิทธิภาพ (ตอนที่ 4 )

ภาพจาก taringa.net

                            เกมรุกที่มีประสิทธิภาพนั้น นอกจากจะใช้วิธีการเล่นในแนวกว้าง การเจาะทะลุทะลวงแนวรับ และใช้การเคลื่อนที่เพื่อสร้างโอกาสบุกผ่านแนวรับได้หรือสรุปว่าทีมสามารถพาบอลบุกไปถึงหน้าประตูคู่ต่อสู้ได้แล้วก็ตาม ผู้เล่นต้องใช้ไหวพริบหาจังหวะและโอกาสทำประตู (Improvisation) ซึ่งท้ายสุดต้องใช้เทคนิคที่สำคัญนี้เพื่อทำให้ความสำเร็จเกิดขึ้นได้ เทคนิคนี้ก็คือ..การเข้าทำประตู ซึ่งสถานะการณ์ดังกล่าวนี้จะเกิดขึ้นในเขตประตูหรือบริเวณนอกเขตด้านหน้าประตูนั่นเอง
                               เทคนิคการเข้าทำประตู จำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และต้องสร้างความสัมพันธ์ให้เกิดขึ้นกับผู้เล่นเกมรุกทุกคน เพราะถ้าไม่เข้าใจไม่มีความสัมพันธ์กัน โอกาสการเข้าทำประตูจะไม่ลงตัวและจะหมดโอกาสยิงประตูทันที
                               เทคนิคการเข้าทำประตู 7 แบบดังนี้ 
                                1. ผ่านจากด้านข้าง ( Crossing )
                                2. ด้านหน้าไม่ว่างส่งคืนหลัง (Back pass )
                                3. เปิดทางตัดหลังแบ็ค ( Cut back )
                                4. เลี้ยงแหวกเข้าไปยิง (Solo )
                                5. ทำชิ่ง 1-2 ( Wall pass )
                                6. แทงผ่านตามช่อง (Through )
                                7. แถว 2 ลองยิงไกล (Secon row long shoot )  

                         1. การผ่านจากด้านข้างสนาม( Crossing ) เป็นการเจาะแนวรับจากทางด้านข้าง แล้วกดดันโดยการส่งบอลเข้ามาบริเวณหน้าประตู เพื่อให้กองหน้าโฉบเข้าหาบอลแล้วยิงประตู
                                
                                                              ภาพที่ 1
 

                             จากภาพที่ 1 ฝ่ายรุกเจาะผ่านแนวรับทางด้านข้างแล้วเห็นว่ามีพื้นที่ว่างระหว่างแนวรับกับประตูอยู่พอสมควร จึงส่งบอลเข้ามาด้านหลังแนวรับทันที เพื่อให้กองหน้าวิ่งทะลุผ่านแนวรับเข้าหาบอลที่พุ่งเข้ามาแล้วยิงประตูทันที
           
ภาพที่ 2

                                  จากภาพที่ 2 จะคล้ายกับสถานะการณ์ที่ 1 แต่แนวรับถอยลงมาป้องกันได้เร็วอยู่บริเวณหน้าประตู ส่วนคนที่จะเปิดบอลก็ถูกไล่แย่งจากผู้เล่นฝ่ายรับเช่นกัน จึงต้องรีบส่งบอลดังนั้นควรเปิดบอลยัดเข้าไปหน้าประตู กองหน้าต้องพยายามวิ่งโฉบเข้าหาบอลบริเวณเสาแรกเพื่อกดดันและยิงประตูทันที แต่ถ้าฝ่ายรับเข้าสกัดบอลพลาดอาจจะทำเข้าประตูตัวเองได้เช่นกัน

ภาพที่ 3

                           จากภาพที่ 3 เมื่อสามารถเจาะผ่านแนวรับทางด้านข้างมาได้ แล้วเห็นว่าบริเวณเสาแรกและตรงกลางหน้าประตูมีผู้เล่นฝ่ายรับเข้ามาปิดทางการเล่นไว้ นั่นแสดงว่าบริเวณเสา 2 จะว่าง ดังนั้นควรโยนบอลไปให้ผู้เล่นที่โฉบเข้ามาที่เสาไกลโหม่งบอลให้เข้าประตูทันที

                         2.การส่งคืนหลัง ( Back pass ) เมื่อกองหน้าไม่สามารถหาจังหวะยิงประตูจากบอลที่ผ่านมาให้ในจังหวะแรกได้ เราไม่ควรพลาดโอกาสในการทำประตูไป จึงต้องสร้างโอกาสการเข้ายิงประตูใหม่อีกครั้ง โดยส่งให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นยิงประตูให้ได้เช้นกัน

ภาพที่ 4

                            จากภาพที่ 4 เป็นสถานะการณ์ตัวอย่างเช่นถ้าผู้เล่นฝ่ายรุกที่รอรับบอลจากการส่งมาให้ที่เสา 2 แต่มีผู้เล่นฝ่ายรับเข้าสกัดกั้นทำให้ไม่สามารถโหม่งบอลให้เข้าประตูได้ ดังนั้นจึงควรโหม่งบอลส่งคืนมาด้านหลังให้เพื่อนร่วมทีมเข้ายิงประตูแทน เป็นต้น

                          3.การผ่านบอลจากเส้นประตูตัดหลังแบ็ค ( Cut back ) เมื่อสถานะการณ์เปลี่ยน ผู้เล่นฝ่ายรุกที่พาบอลทะลุและหนีฝ่ายรับเข้าไปถึงเส้นประตู ซึ่งเป็นการยากที่จะผ่านบอลให้กองหน้าที่รอยิงอยู่ที่หน้าประตูได้ง่าย ดังนั้นจึงควรสร้างโอกาสด้วยวิธีใหม่ โดยการส่งบอลผ่านแนวรับตัดหลังแบ็คออกมาให้เพื่อนร่วมทีมที่หนีตัวถอยกลับออกมารับบอลแล้วยิงประตูทันที ตัวอย่างในภาพที่ 5

     ภาพที่ 5

                               4.การเลี้ยงพาบอลเข้าไปยิงเอง ( Solo ) ในบางครั้งสถานการณ์ไม่ได้เป็นใจอย่างที่เราต้องการ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อไม่สามารถจะส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆได้ เพื่อไม่ให้เสียการครอบครองบอลไปจึงควรตัดสินใจ กระชาก ลากเลี้ยงบอลทะลุทะลวงแนวรับเข้าไปเพื่อยิงประตูเองทันที ดังตัวอย่างการเล่นในภาพที่ 6 เป็นต้น

ภาพที่6

                             5.การทำชิ่ง 1-2 ( Wall pass ) บางสถานะการณ์ฝ่ายรุกต้องโจมตีแนวรับบริเวณแนวกลางด้านหน้าประตู ผู้เล่นฝ่ายรุกต้องใช้ไหวพริบและการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว โดยการส่งบอลแบบทำชิ่ง 1-2 ให้ทะลุผ่านแนวรับเข้าไปยิงประตู ดังตัวอย่างการเล่นในภาพที่ 7 เป้นต้น

     ภาพที่ 7

                                6. การส่งบอลทะลุตามช่อง ( Through ) บางครั้งโอกาสเปิด เราสามารถฉกฉวยโอกาสที่ฝ่ายรับยืนป้องกันไม่ดีมีช่องว่างเปิดกว้าง ทำให้สามารถส่งบอลผ่านเข้าช่องว่างให้กองหน้าวิ่งโฉบพาบอลเข้าไปยิงประตูทันที ดังตัวอย่างการเล่นในภาพที่ 8 และภาพที่ 9 เป็นต้น

  ภาพที่ 8

   ภาพที่ 9

                               7. การยิงไกลจากแถวที่ 2 ( Secon row long shoot ) บางครั้งแนวรับถอยลงไปตั้งรับในแนวลึกบริเวณหน้าประตู ทำให้บริเวณด้านหน้าประตูมีผู้เล่นออกันแน่นไปหมด โอกาสในการเข้าไปยิงประตูทำได้ยาก ดังนั้นฝ่ายรุกต้องหาแนวทางอื่น ด้วยการยิงไกลจากผู้เล่นแถวที่ 2 ให้เข้าประตู แทนการเจาะเข้าไปแล้วติดแนวป้องกัน ดังตัวอย่างการเล่นในภาพที่ 10 เป็นต้น
                                   
ภาพที่ 10

                         เทคนิคการบุกเข้าทำประตูในเกมรุก ทั้ง 7 แบบนั้นถือได้ว่าเป็นเทคนิคสากลที่ใช้กันทั่วโลก เพียงแต่ว่า แต่ละทีมต้องสร้างให้ผู้เล่นมีความรู้ มีความเข้าใจว่าควรใช้ในสถานะการณ์ใดและต้องฝึกซ้อมกันให้เกิดความชำนาญและมีความสัมพันธ์อย่างดี จึงจะส่งผลให้เกมรุกของทีมมีศักยภาพและประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น ลองนำไปใช้นะครับ...