วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561



ฝึกเล่นปีก..กันดีกว่า..!! (ตอนที่ 4)

ภาพจาก www.hoofoot.com

                                     จากตอนที่แล้ว ปีกจะมีบทบาทในเกมรุกเป็นหลัก แต่ปัจจุบันผู้เล่นทุกตำแหน่งต้องทำหน้าที่ในเกมรับด้วย ตำแหน่งปึกก็เช่นกันสามารถช่วยเกมรับได้ดังนี้


 ภาพที่ 1

                          จากภาพที่ 1 เมื่อเสียการครอบครอองบอลไป สถานะการณ์เกมจะกลับมาเป็นฝ่ายรับ ถ้าฝ่ายรุกทำเกมรุกบริเวณกลางสนาม ผู้เล่นกองกลางฝ่ายรับสีน้ำเงินหมายเลย 6, 8 และหมายเลข 4, ต้องทำหน้าที่ป้องกัน โดยเคลื่อนที่เพื่อปิดพื้นที่การเล่นด้านซ้ายของสนาม จะทำให้พื้นที่ด้านขวาของสนามพื้นที่สีเหลืองหมายเลข 2 เปิดเป็นที่ว่างให้ฝ่ายรุกเติมขึ้นไปโจมตีได้ ดังนั้นปีกขวาหมายเลข 7 จำเป็นต้องเคลื่อนที่จากด้านริมสนามเข้ามาช่วยคุมสถานะการณ์นั้นและต้องอยู่ในตำแหน่งที่สามารถคุมสถานะการณ์เกมในพื้นที่สีเขียวหมายเลข 1 ให้ได้อีกด้วย ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นกองกลางทำหน้าที่กดดันและป้องกันได้เต็มที่ไม่ต้องพะวงพื้นที่อีกด้านหนึ่ง

ภาพที่ 2

                          จากภาพที่ 2 เมื่อฝ่ายรุกสามารถเปิดเกมรุกผ่านกองกลางมาได้ ต้องเป็นหน้าที่ของกองหลังที่ต้องทำการป้องกันในพื้นที่ที่ถูกโจมตีและบริเวณด้านหน้าประตู ดังนั้นพื้นที่ด้านซีกขวาจะเปิดเป็นพื้นที่ว่างขึ้น ปีกขวาหมายเลข 7 ควรจะเคลื่อนที่ถอยกลับลงมาช่วยคุมพื้นที่ทับซ้อนทั้ง สีเหลืองและสีแดง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่นอกสายตาการระวังของกองหลัง ถ้าปีกสามารถลงมาช่วยป้องกันพื้นที่นี้ได้ด้วยจะทำให้กองหลังทำหน้าที่ป้องกันได้เต็มที่ไม่ต้องหว่งพื้นที่เสาไกล   การป้องกันจะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเป็นต้น

วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561



ฝึกเล่นปีก..กันดีกว่า.!! (ตอนที่ 3)

ภาพจาก www.tepball.com
                                จากตอนที่แล้ว ปีกจะมีหน้าที่สร้างสรรค์เกมกดดันทางด้านข้าง แต่ศักยภาพของปีกยังมีให้นำออกมาใช้ได้อีกดังนี้
                                        3. บทบาทหน้าที่สนับสนุนการเข้าทำประตู

 ภาพที่ 1

                           จากภาพที่ 1 เมื่อทีมเปิดเกมรุกทางด้านกาบซ้ายของสนาม โดยปกติฝ่ายรับจะให้ความสนใจเตรียมการตั้งแนวรับป้องกันด้านนั้นมาก ดังนั้นปีกขวาหมายเลข 7 จะมีโอกาสและเวลาว่างจากการประกบติดตามมากขึ้น จึงต้องอ่านเกมว่าด้านเสาไกลหลังแนวรับ มีพื้นที่ว่างมากพอให้เข้าโจมตีได้หรือไม่ ถ้ามีให้สื่อสารกับหมายเลข 11 เพื่อให้ส่งบอลข้ามแนวรับมาให้  เพื่อเข้าทำประตูทันที

ภาพที่ 2
                         
                          จากภาพที่ 2 เมื่อสถานะการณ์เกมเปลี่ยนไปฝ่ายรุหมายเลข 11 ไม่สามารถส่งบอลไปเสาไกลได้ อาจจะส่งบอลกลับเข้าด้านในให้ ผู้เล่นหมายเลข 10 ดังนั้นปีกหมายเลข 7 ควรคิดสร้างสรรค์เกมโดยการวิ่งเลาะหน้าแนวรับ เพื่อหาโอกาสวิ่งตัดแนวรับโฉบเอาบอลจากหมายเลข 10 ที่ส่งทะลุผ่านช่องว่างแนวรับมาเพื่อเข้ายิงประตูต่อไป

ภาพที่ 3

                          จากภาพที่ 4 ในบางสถานะการณ์เมื่อปีกหมายเลข 7 กำลังครองบอลอยู่ แต่ไม่สามารถส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมได้ อาจจะต้องใช้ความสามารถส่วนตัวเลี้ยงบอลตัดผ่านหน้าแนวป้องกันของฝ่ายรับเข้ามาด้านใน ถ้ายังหาโอกาสที่ดีในการส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมไม่ได้อีก อาจจะต้องใช้ไหวพริบ สร้างจังหวะในการยิงประตูทันทีที่มีโอกาส โดยใช้เทคนิคการยิงประตูด้วยข้างเท้าด้านในให้หนีมือผู้รัษาประตูไปทางเสาไกลเป็นต้น ถ้าหากปีกมีเทคนิคการเล่นระดับพื้นฐานอย่างที่กล่าวมานี้ จะสามารถสร้างความกดดันให้กับฝ่ายรับได้พอควร ดังนั้นต้องฝึกซ้อมให้เกิดความชำนาญและเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นให้มากยิ่งขึันต่อไป..





วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561



 ฝึกเล่นปีก..กันดีกว่า!! (ตอนที่ 2)

ภาพจาก www.news.phuketindex.com

                                   จากตอนที่แล้ว จะทราบถึงพื้นที่ ที่ผู้เล่นตำแหน่งปีกต้องรับผิดชอบในการเล่นกันไปแล้ว ตอนนี้จะกล่าวถึงว่าจะเล่นกันอย่างไร
                                     2. บทบาทหน้าที่ของปีกในการสร้างสรรค์เกมรุก
            
 ภาพที่ 1

                           จากภาพที่ 1 บทบาทหน้าที่ของปีก คือต้องใช้ความสามารถสร้างสรรค์เกมรุกในพื้นที่ด้านข้างของสนาม

 ภาพที่ 2

                           จากภาพที่ 2 เมื่อปีกได้ครองบอล ต้องพยายามพาบอลหลบหลีกผู้เล่นฝ่ายรับ โดยการพาบอลเข้ามาทางด้านในเพื่อหลอกให้คู่ต่อสู้ขยับตามมา เมื่อได้โอกาสให้พาบอลหลบย้อนกลับออกทางด้านนอก แล้วกระชากบอลทะลุผ่านแนวรับไป

 ภาพที่ 3

                          จากภาพที่ 3 ในบางโอกาส ปีกอาจจะหลอกล่อคู่ต่อสู้ ทำทีว่าจะพาบอลทะลุผ่านไปทางด้านนอกแนวขนานเส้นข้าง เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้ขยับตามมาปิดทางแต่เปิดพื้นที่ด้านในไว้  ให้พาบอลย้อนกลับหลบมาทางด้านในแล้วกระชากบอลทะลุผ่านแนวรับเข้าไปทันที
 
 ภาพที่ 4

                         จากภาพที่ 4 ถ้าปีกได้ครองบอลแล้วแต่ไม่มีโอกาสที่ดี หรือไม่มั่นใจว่าจะพาบอลผ่านคู่ต่อสู้ไปได้ คงต้องหาตัวช่วยโดยส่งบอลให้เพื่อนร่วมทีมเพื่อทำชิ่ง (wall pass) ให้บอลทะลุผ่านแนวรับเพื่อให้ปีกเคลื่อนที่ไปเล่นด้านหลังแบ็คทันที เพราะการที่สามารถพาบอลผ่านแบ็คไปได้จะสร้างความกดดันให้ผู้เล่นแนวรับที่คุมสถานะการณ์บริเวณหน้าประตู ต้องรีบเคลื่อนตัวออกมาป้องกัน ทำให้ขุมกำลังหรือโซนการป้องกันนั้นถูกบังคับให้ขยายออกไป พื้นที่บริเวณหน้าประตูจะเปิดกว้าง มีช่องว่างให้กองหน้าฝ่ายรุกเข้าโจมตีได้มากขึ้นทันที

ภาพที่ 5

                         จากภาพที่ 5 นอกจากการพาบอลไปสร้างเกมรุกทางด้านข้างของสนามแล้ว ปีกยังมีหน้าที่ในกการเปิดบอลให้ผู้เล่นกองหน้าเพื่อเข้าประตูอีกด้วย อย่างเช่น..
                           1. เมื่อปีกไม่สามารถพาบอลไปได้ด้วยตนเอง แต่พื้นที่ด้านหลังแบ็คมีที่ว่างให้โจมตี ผู้เล่นกองหน้าหมายเลข 9 สามารถเคลื่อนที่ตัดออกไปรับบอลเพื่อสร้างเกมรุกกดดันต่อไป
                           2. ถ้าเห็นว่าหลังแนวรับมีที่ว่างแล้วสามารถส่งบอลตัดทะลุผ่านแนวป้องกันให้กองหน้าหมายเลข 10 พุ่งโฉบเอาลูกบอลเข้าไปยิงประตู ให้รีบดำเนินการทันที
                           3. ถ้าแนวรับของคู่ต่อสู้เคลื่อนตัวบีบเข้ามา และเปิดพื้นที่ฝังตรงข้ามด้านเสาไกล ให้ส่งบอลโยนโด่งข้ามแนวรับไปให้ผู้เล่นหมายเลข 11 เข้าทำประตูทันที
                          ในการเล่นจะเล่นในรูปแบบใดให้เล่นตามสถานะการณ์เกมที่คู่ต่อสู้เปิด และที่สำคัญจำเป็นต้องฝึกซ้อมกันให้เกินความชำนาญสัมพันธ์กัน การเล่นจึงจะมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561



ฝึกเล่นปีก..กันดีกว่า.!!(ตอนที่ 1)

ภาพจาก www.footballdj.com

                                ตำแหน่งปีกทั้ง 2 ข้างมีความสำคัญในเกมการเล่นไม่น้อยไปกว่าตำแหน่งการเล่นอื่นๆ บางทีมผู้เล่นในตำแหน่งนี้ที่มีประสิทธิภาพ สามารถสร้างโอกาสอย่างมากให้ทีมได้รับชัยชนะ บางท่านคิดว่าปีกเล่นยากเพราะต้องเล่นในพื้นที่แคบๆด้านข้างสนาม หรือคิดว่าเล่นง่ายมีภาระงานน้อยเอาหลังพิงเส้นข้างแล้วภาระงานในการเล่นเพียงครึ่งเดียวหรือเล่นด้านเดียว..
                               อันที่จริงตำแหน่งปีกต้องรับภาระหน้าที่ไม่น้อยเช่นกัน เพราะต้องเล่นทั้งเกมรุกและเกมรับ ช่วยสนับสนุนการรุกเพื่อยิงประตู ช่วยสนัสนุนการเล่นของกองกลางในพื้นที่กลางสนาม ดังนั้นถ้าสภาพความฟิตของร่างกายไม่ดีพอ การเล่นก็จะไม่มีประสิทธิภาพ..แล้วปีกเขาเล่นกันอย่างไร ?
                             เราสามารถฝึกการเล่นตำแหน่งปีก แบบง่ายๆดังนี้..
                            1.ต้องเข้าใจพื้นที่ ที่จะต้องเข้าไปทำหน้าที่
                              2.ต้องเข้าใจบทบาทหน้าทีในการสร้างสรรค์เกมรุก
                              3.ต้องเข้าใจบทบาทหน้าที่สนับสนุนการเข้าทำประตู
                              4.ต้องเข้าใจบทบาทหน้าที่ในการเล่นเกมรับ
                            1.พื้นที่ในการเล่น...

                                                                ภาพที่ 1

                             จากภาพที่ 1 จะเห็นพื้นที่ในบริเวณสนาม 5 พื้นที่ ซึ่งแต่ละพื้นที่จะเกี่ยวข้องกับบทบาทหน้าที่ในการเล่นของผู้เล่นตำแหน่งปีก
                             พื้นที่ที่ 1, 2, และ 3 จะเป็นพื้นที่ในการสร้างสรรค์เกมรุก
                               พื้นที่ที่ 4 และ 5 จะเป็นพื้นที่สนับสนุนเกมรับ


วันอาทิตย์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561



ฝึกเล่นเพื่อ..แก้เกมการบีบบังคับกดดัน

ภาพจาก www.footblldj.com

                                        ในเกมการแข่งขันฟุตบอล จะมีวิธีการเล่นเพื่อสร้างความเข้มข้นของเกม เมื่อฝ่ายรับนำวิธีการเล่นแบบบีบบังคับกดดัน (Pressing) มาใช้ เกมจะสนุกเร้าใจมากขึ้น ถ้าฝ่ายรุกสามารถแก้ไขสถานะการณ์หลุดออกมาจากความกดดันนั้นได้ การฝึกเพื่อแก้ไขสถานะการณ์สามารถทำได้ดังนี้...
 
 ภาพที่ 1

ภาพที่ 2

                                    หลักการพื้นฐานต้องสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการเล่นในพื้นที่แคบๆก่อนโดย การฝึกการเล่นเกมรุกแบบ 5:3 ที่เน้นฝ่ายรุกต้องเคลื่อนที่ไปยังที่ว่าง หาทางช่วยสนับสนุนเพื่อนที่ครองบอลอยู่ให้ส่งบอลได้ง่ายขึ้น

 ภาพที่ 3

                                   ในเกมการเล่นฝ่ายรับจะป้องกันโดยการเข้าประกบและเข้าแย่งอย่างรวดเร็ว

 ภาพที่ 4

                              จากภาพที่ 3 มาสู่ภาพที่ 4 จะเห็นว่าฝ่ายรุกสีแดงหมายเลข 1 ส่งบอลให้ หมายเลข 2 ฝ่ายรับทุกคนจะเคลื่อนที่เข้าประกบบีบบังคับไล่แย่งทันที่ ถ้าฝ่ายรุกยืนรอรับบอลอยู่ในพื้นที่เดิมก็จะหมดโอกาสการเล่นนั้นไป ดังนั้นสิ่งที่ฝ่ายรุกทุกคนต้องทำคือ..ขยับเคลื่อนที่หาที่ว่างทันทีเพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนที่ครองบอลสมารถส่งบอลให้ได้ ต้องทำอย่างรวดเร็วไม่ครองบอลไว้นาน และต้องเปลี่ยนแกนการเล่นออกมาเล่นในพื้นที่ว่างที่ฝ่ายรับเปิดไว้ แล้วเดินเกมรุกเข้าโจมตีทันที เช่นเปิดเกมออกมาที่พื้นที่สีเหลือง และขยายต่อไปสู่พื้นที่สีเขียวเป็นต้น การที่จะเล่นได้แบบนี้จำเป็นต้องมีการฝึกซ้อมกันอย่างหนักเพื่อสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์กันในทีม การเล่นจึงจะมีประสิทธิภาพ
                              จุดเน้นในการเล่น....
                              1. ไม่ครองบอลนาน ส่ง-รับบอลอย่างรวดเร็ว(ไม่ควรเกิน 3 จังหวะ)
                              2. ต้องเคลื่อนที่หาที่ว่างเปิดทางช่วยเพื่อนที่ครองบอล
                              3. เปลี่ยนแกนการเล่นจากพื้นที่ปิด ออกไปสู่พื้นที่เปิด
                              4. เดินเกมรุกเข้าโจมตีทันที
                            เทคนิคการเล่นทั้ง 2 แบบนี้เป็นแบบการเล่นที่ดีสำหรับทุกทีม เพียงแต่ทีมใดชิงความได้เปรียบสามารถทำได้ก่อน และทำได้ดีกว่า ทีมนั้นจะเป็นทีมที่มีโอกาสประสบความสำเร็จในเกมการแข่งขันได้มากกว่า.....

วันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561



ฝึกการป้องกันแบบบีบบังคับกดดัน (Pressing)

ภาพจาก www.nationtv.tv
                                  ปัจจุบันนักฟุตบอลมีสมรรถภาพของร่างกายดีขึ้น ทั้งด้านความแข็งแรง ความอดทนและมีความเร็วเพิ่มขึ้น ทำให้สามารถเคลื่อนที่ในการเล่นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เกมการแข่งขันจึงมีความเข้มข้น ดังนั้นจึงมียุทธวิธีการเล่นแบบใหม่ๆขึ้นมาเพื่อที่จะลดความเสียเปรียบหรือเพิ่มความได้เปรียบในการเกมการเล่น..
                                 การเล่นเกมรับ แบบบีบบังคับกดดัน (Pressing) เป็นยุทธวิธีการเล่นแบบหนึ่งที่นิยมใช้ในปัจจุบัน เพราะถ้าสามารถบีบบังคับกดดันคู่ต่อสู้ได้ จะทำให้คู่ต่อสู้เล่นได้ยาก เล่นผิดพลาด หรือเสียการครอบครองบอลได้ง่าย แล้วเปลี่ยนเป็นเกมรุกเพิ่อทำประตูต่อไป


                            การฝึก Pressing เบื้องต้น..เพื่อสร้างความเข้าใจ ใช้การฝึกแบบ 3:5 ฝ่ายรับคนแรกต้องรีบเข้าไปประกบฝ่ายรุกที่ครองบอล ปิดทางการส่งบอลทางด้านซ้ายและไม่ให้โยนบอลให้ตัวไกล ฝ่ายรับคนที่ 2 เข้าประกบผู้ล่นฝ่ายรุกที่อยู่ด้านขวาและคอยตัดบอลที่อาจจะส่งมา  คนที่ 3 คอยดักทางตัดบอลที่จะส่งผ่านมาช่องกลางให้ตัวไกล การฝึกแบบนี้จะสร้างความกดดันให้กับฝ่ายรุกแม้ว่าจะมีผู้เล่นมากกว่าก็ไม่สามารถเดินเกมรุกได้
   

                           ฝึกเกมการเล่น แบบ 8:8 หรือ 9:9 (เพิ่มผู้รักษาประตู) ในพื้นที่ที่มีความกว้างตามแนวกรอบเขตโทษ ความยาวเต็มสนาม ทีมสีน้ำเงินจะเป็นฝ่ายรับ


                             จากหลักการป้องกันแบบ 3:5 มาประยุกต์ในเกมฝึกการเล่นในพื้นที่แคบ ตัดพื้นที่ด้านข้างสนามออกไปทั้ง 2 ด้าน
                               การฝึก..ฝ่ายรุกทีมสีแดง ผู้เล่นหมายเลข 1 ส่งบอลให้หมายเลข 2  ฝ่ายรับสีน้ำเงินต้องพยายามอ่านเกมว่าฝ่ายรุกจะส่งบอลไปทางด้านใด ทันทีที่เห็นทิศทางที่ส่งบอล ผู้เล่นหมายเลข 8 ที่อยู่ใกล้บอลมากที่สุดต้องเคลื่อนที่ไปประกบและกดดันให้เล่นฝ่ายรุกนั้นส่งบอลได้ยาก หรือส่งบอลได้เพียงทางเดียว ขณะเดียวกันผู้เล่นฝ่ายรับคนอื่นๆต้องติดตามการเคลื่อนที่ของฝ่ายรุกทุกคน และต้องเคลื่อนที่ติดตามเข้าประชิดประกบตัวโดยทันที รวมทั้งบีบปิดพื้นที่เขตสีเหลือง ที่มีฝ่ายรุกกำลังครองบอลอยู่ ดังนั้นผู้เล่นฝ่ายรุกหมายเลข 1 จะพยายามขยับถอยลงไปด้านหลังเพื่อรอรับบอลคืน ฝ่ายรับหมายเลข 7 ที่เล่นกองหน้าต้องเคลื่อนที่ไปปิดทางการส่งกลับคืนมาด้านหลัง ซึ่งทุกจุดต้องทำพร้อมเพรียงกันแล้วกดดันเข้าแย่งบอลทันที.. ฝ่ายรุกหมายเลข 2 หมดทางส่งบอล อาจจะเสียการครองบอลจากการแย่ง ส่งพลาด หรือทำเสียบอลไปเอง ฝ่ายรุกไม่สามารถเดินเกมรุกได้เลย และจะกลับเป็นฝ่ายรับทันที...
                               จุดเน้นการเล่น Pressing...
                             1.ต้องสร้างความเข้าใจวิธีการเล่นเกมรับแบบบีบบังคับกดดัน (Pressing)
                             2.ต้องฝึกซ้อมให้คนที่อยู่ใกล้คนที่ครองบอลรีบเข้าประกบบีบกดดัน ปิดทางการเล่น ให้เล่นได้เพียงทางเดียว
                             3.คนที่อยู่ด้านหลังต้องประกบฝ่ายรุกคนอื่น คุมพื้นที่ และสื่อสารสั่งการคนที่อยู่ด้านหน้า เพื่อกดดันเข้าแย่งบอล
                            4.เมื่อแย่งบอลได้ รีบเคลื่อนที่กระจายออกไปเพื่อเปิดเกมรุกกลับทันที...