วันพฤหัสบดีที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2561



การสร้างทีม..ของโค้ช

ภาพจาก www.thsport.com

                                        ภาระหน้าทีมสำคัญของโค้ช..ที่จำเป็นต้องสร้างทีมฟุตบอลในสไตล์ของตน ซึ่งจะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละคน อย่างที่เห็นกันอยู่ทั่วไป                                                                          แนวทางในการสร้างทีมแบบพื้นฐานทั่วไป 2 แบบ
                                         1.แบบสร้างระบบการเล่นไว้ล่วงหน้า
                                         2.แบบสร้างระบบการเล่นภายหลัง



ภาพจาก www.jinglegists.wordpress.com
                                 1.แบบสร้างระบบทีมไว้ล่วงหน้า โค้ชสไตล์นี้จะมีแนวคิดในการกำหนด โครงสร้างของทีม รูปแบบและวิธีการเล่นอย่างที่ต้องการไว้แล้ว เมื่อได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบทีมจึงออกไปเสาะหาผู้เล่นในตำแหน่งต่างๆ ที่มีสไตล์การเล่นที่เหมาะสมตามที่โค้ชต้องการ แล้วนำมาดำเนินการฝึกซ้อมปรับเทคนิคและแทคติกการเล่นให้เข้าระบบและสไตล์ที่กำหนดไว้ อย่างเช่นท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่คุมทีมแแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สร้างผลงานความสำเร็จมากมาย โดยมีระบบและสไตล์การเล่นเฉพาะเน้นการเจาะแนวรุกจากทางด้านข้าง ผ่านบอลเข้ากรอบเขตโทษหน้าประตูทั้งลูกโด่งและลูกเรียดเป็นหลัก สลับกับการเจาะทะลุแนวกลางหน้าประตู ดังนั้นต้องหาผู้เล่นที่มีคุณสมบัติและสามารถเล่นในรูปแบบที่กำหนดมาสร้างทีมเป็นต้น


 ภาพจาก www.metro.co.uk

                              2.แบบสร้างระบบการเล่นภายหลัง โค้ชสไตล์นี้จะมีแนวคิดในการสร้างระบบการเล่นหลังจากที่มีหรือได้คัดเลือกผู้เล่นที่คิดว่าดีที่สุดเข้ามาในทีม เมื่อทดสอบแล้วนำข้อมูลมาพิจารณาว่าน่าจะจัดรูปแบบแนวทางการเล่นอย่างไรจึงจะเหมาะสม จึงดำเนินการฝึกปรับระบบรูปแบบและสไตล์การเล่นให้เหมาะสมสัมพันธ์กัน โค้ชจะต้องใช้เวลาในการสร้างทีมพอสมควรเพื่อให้เกิดความสำเร็จ อย่างเช่น เปป กวาร์ดิโอลา ที่คุมทีม บาร์เซโลน่า บาเยิร์นมิวนิก และแมนเชสเตอร์ซิตี้ เมื่อเข้ารับงานจึงวางระบบรูปแบบและสไตล์การเล่น แล้วนำระบบและวิธีการฝึกซ้อมในแบบการเล่นเฉพาะเพื่อสร้างความสัมพันธ์ของผู้เล่นในทีม ซึ่งต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง เมื่อผู้เล่นเข้าใจกระบวนการต่างๆและปรับตัวเข้ากับระบบด้วยกันได้จะสร้างความสำเร็จได้เช่นกัน ซึ้งจุดเน้นอาจจะแตกต่างกันไปตามสภาพของผู้เล่นในช่วงเวลานั้นเป็นต้น
                                   ดังนั้นโค้ชแต่ละท่านอาจจะนำแนวคิดพื้นฐานดังกล่าวไปใช้สร้างและปรับเพื่อพัฒนาทีมได้ตามสมควร

                                      

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2561



การฝึกเล่นโต้รุกเร็ว"Counter Attack"(ตอนที่ 2)

ภาพที่ 1

                               จากภาพที่ 1 การฝึกจะเพิ่มผู้เล่นเป็นฝ่ายรุก 3 คนและฝ่ายรับ 2 คน เมื่อโค้ชให้สัญญาณฝ่ายรุกหมายเลข 8 ที่ครองบอลพาบอลหลบกองหลัง ขณะเดียวกันกองหน้าหมายเลข 9 จะวิ่งหาที่ว่างเปิดทางรับบอล ถ้าสามารถหนีการประกบตัวมาได้ หมายเลข 8 ก็สามารถส่งบอลให้ได้เลย แต่ถ้ามีตัวประกบไล่ตามมาจะเปิดพื้นที่ด้านหลังแนวกลางสนามไว้ ให้กองหน้าหมายเลข 11 วิ่งเติมไปสู่ที่ว่างทันที

ภาพที่ 2

                                จากภาพที่ 2 ผู้เล่นหมายเลข 8 สามารถส่งบอลตัดเข้ามาด้านใน ให้กับผู้เล่นหมายเลข 11 ที่วิ่งตัดเข้ามาโฉบพาบอลเข้าไปยิงประตู หรือถ้าเห็นว่ามุมในการยิงประตูไม่ดี อาจจะส่งบอลให้เพื่อนหมายเลข 9 ที่เติมกลับขึ้นมาช่วยยิงประตูแทน..

ภาพที่ 3

ภาพที่ 4

                               จากภาพที่ 3 และ 4 เป็นการฝึกเพื่อสร้างจินตนาการณ์ให้ผู้เล่นเพิ่มขึ้นเมื่อสถานะการณ์เปลี่ยนไป ผู้เล่นจะต้องอ่านเกมและเคลื่อนที่เปลี่ยนตำแหน่งเพื่อสนับสนุนการเล่นให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เมื่อโค้ชให้สัญญาณ  ผู้เล่นหมายเลข 8 ที่ครองบอลต้องพาบอลหลบฝ่ายรับไป ขณะเดียวกัน กองหน้าหมายเลข 9 เปลี่ยนใจไม่วิ่งออกไปยังพื้นที่ด้านที่หมายเลข 8 เลี้ยงบอลผ่านตัวประกบมา แต่วิ่งเปิดทางมาด้านตรงข้ามเพื่อหาโอกาสรับบอลที่หมายเลข 8 ส่งตัดหลังแนวรับมาให้ ถ้าตัวประกบตามมาไม่ทันให้วิ่งโฉบพาบอลไปยิงประตูทันที

ภาพที่ 5

                               จากภาพที่ 5 เมื่อสถานะการณ์เปลี่ยนไปฝ่ายรับตามมาป้องกันได้เร็ว ฝ่ายรุกหมายเลข 11 ต้องอ่านเกมว่าจะต้องวิ่งเติมสลับตำแหน่งเข้าไปด้านใน เพื่อสนับสนุนการเล่น โดยหมายเลข 9 ต้องส่งบอลย้อนเข้าด้านในให้ผู้เล่นหมายเลข 11 วิ่งโฉบพาบอลเข้าไปยิงประตูทันที่ ส่วนหมายเลข 8 วิ่งเติมขึ้นมาช่วยสนับสนุนการเล่นอีกด้านหนึ่งเช่นกัน...

วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2561




การฝึกเล่นโต้รุกเร็ว"Counter AttacK"(ตอนที่ 1)


ภาพจาก nationtv.tv
                                        ยุทธวิธีการเล่นแบบโต้รุกเร็วจะเป็นวิธีการเล่นที่นิยมเล่นในปัจจุบัน เพราะเป็นเกมการรุกสวนกลับเมื่อแย่งตัดบอลได้ เปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุกทันทีในขณะที่แนวรับของคู่ต่อสู้มีผู้เล่นอยู่ป้องกันเพียง 2-3 คนเท่านั้น
                                  แนวคิดในการเล่นโต้รุกเร็ว
                              1. ผู้เล่นที่ตัดบอลได้ ต้องพาบอลเคลื่อนที่กินแดนไปข้างหน้าอย่างเร็ว
                              2. มองหาผู้เล่นกองหน้าที่เคลื่อนที่ไปสู่นพิ้นที่ว่าง แล้วส่งบอลไปให้ทันที
                              3. ผู้เล่นกองหน้าต้องวิ่งโฉบเข้าหาบอลแล้วพาบอลผ่านเข้าไปยิงประตู
                              4. ถ้าไม่มีโอกาสยิงประตูให้ส่งบอลไปให้เพื่อนร่วมทีมที่วิ่งเติมมายิงประตู
                                  แนวทางการฝึกการเล่นแบบโต้รุกเร็ว

 ภาพที่1

                                  จากภาพที่ 1 ผู้เล่นฝ่ายรุกสีแดงครองบอลอยู่ในวงกลมกลางสนามหันหน้าเข้าหาประตู ส่วนฝ่ายรับสีน้ำเงินอยู่ในวงกลมเช่นกันแต่หันหลังให้ประตู เมื่อโค้ชให้สัญญาณฝ่ายรุกต้องเลี้ยงพาบอลไปอย่างเร็วเพื่อไปยิประตูให้ได้ ก่อนที่ฝ่ายรับถอยกลับติดตามลงมาป้องกันได้ทัน
 ภาพที่ 2

                                จากภาพที่ 2 การฝึกมีฝ่ายรุกเพิ่มเป็น 2 คน ฝ่ายรับ 1 คน เมื่อโค้ชให้สัญญาณผู้เล่นฝ่ายรุกหมายเลข 8 ที่ครองบอลต้องพาบอลไปข้างหน้าโดยเร็ว กองหน้าหมายเลข 9 วิ่งเปิดทางหนีออกมาด้านตรงข้ามเพื่อดึงผู้เล่นกองหลังออกจากพื้นที่แดนกลางและรอจังหวะที่หมายเลข 8 ส่งบอลตัดหลังแนวรับมาให้ แล้วจึงวิ่งย้อนตัดด้านหลังแนวรับโฉบพาบอลไปยิงประตูทันที....

















วันศุกร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2561



ฝึก"Combination Play"เปลี่ยนแกนสลับซ้าย-ขวา

ภาพที่ 1
                                 จากภาพที่ 1 ปีกหมายเลข 7 ได้ครองบอล ผู้เล่นกองหน้าต้องเคลื่อนที่เพื่อเจาะแนวรับ โดยหมายเลข 9 วิ่งพุ่งออกเพื่อเปิดเกมทางด้านข้าง ส่วนหมายเลข 10 จะเคลื่อนที่ตามออกมาไปหาที่ว่างบริเวณที่หมายเลข 9 ยืนอยู่เดิม แต่ผู้เล่นกองหลัง สามารถเคลื่อนที่ติดตามและเข้าประกบผู้เล่นกองหน้า ไม่ให้โจมตีทั้งด้านข้างและแนวกลาง ในสถานะการณ์เช่นนี้ฝ่ายรุกทุกคนต้องคิดอย่างสร้างสรรค์ จะเห็นว่าพื้นที่ด้านข้างฝั่งขวาและบริเวณแดนกลางหน้าประตูมีผู้เล่นประกบชิดทำให้มีพื้นที่ว่างน้อยลง



 ภาพที่ 2

                                จากภาพที่ 2 เมื่อปีกหมายเลข 7 ไม่สามารถส่งบอลทะลุแนวรับไปเล่นด้านข้างหลังแบ็ค และบริเวณแนวกลางหน้าประตูได้ ภายใต้ความกดดันยังมีโอกาสที่ดีอีก เพราะพื้นที่ด้านหลังแนวรับบริเวณหลังแบ็คฝั่งขวาจะมีพื้นที่ว่าง เหมาะที่จะโจมตี ดังนั้นปีกหมายเลข 7 ควรส่งบอลเปลี่ยนแกนข้ามแนวรับโดยเร็วไปยังพื้นที่หลังแบ็คให้ปีกซ้ายหมายลข 11 วิ่งทะลุผ่านแนวรับโฉบพาบอลไปทำประตู หรือส่งบอลให้กองหน้าที่หมุนตำแหน่งย้อนกลับเข้ามายิงประตูทันที...

วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2561



ฝึก"Combination Play"เจาะด้านใน (ตอนที่ 3)

ภาพที่ 1
ภาพที่ 2

                                จากภาพที่ 1 และ 2 เมื่อสถานะการณ์เกมเปลี่ยนไป แบบการเล่นจะต้องปรับให้เหมาะสม การเล่นแบบส่งคืนหลังแล้วส่งทะลุเปลี่ยนแกน เมื่อปีกหมายเลข 7 ได้ครองบอลแต่ไม่สามารถส่งบอลสร้างเกมรุกด้านข้างหลังแบ็คได้ ผู้เล่นกองหน้าทุกคนต้องคิดเกมการเล่นอย่างสร้างสรรค์แต่ต้องให้เหมาะกับสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น     เมื่อกองหลังคู่ต่อสู้อ่านเกมและติดตามประกบอย่างใกล้ชิดทำให้พื้นที่ว่างถูกปิดผู้เล่นมีเวลาจำกัดเหมือนถูกเกมบีบกดดัน (Pressing)  กองหน้าหมายเลข 9 ต้องขยับลงมารับบอลจากปีก เมื่อถูกกองหลังตามกดดัน ให้ส่งบอลคืนกลับมาให้กองกลางหมายเลข 8 ในขณะเดียวกัน กองหน้าหมายเลข 10 ต้องเคลื่อนตัวหาที่ว่างและเปิดพื้นที่การเล่น เมื่อพื้นที่ว่างบริเวณที่หมายเลข 10 อยู่เดิมนั้นจะเปิดกว้างและว่างมากขึ้น ทำให้เหมาะที่จะเป็นพื้นที่เป้าหมายในการโจมตี ปีกหมายเลข 11 ต้องพร้อมที่จะวิ่งพุ่งตัดตรงเข้าไปเพื่อรับบอลจากกองกลางหมายเลข 8 ที่เปลี่ยนแกนการเล่นส่งบอลมาให้ แล้วโฉบพาบอลเข้าไปทำประตู จะเห็นได้ว่าเมื่อพื้นที่ที่เราตั้งเป้าในจะเข้าโจมตี มีความเข้มข้นในการป้องกันทำให้เป็นงานยากในการโจมตี เมื่อสถานะการณ์เปลี่ยนไป ดังนั้นเมื่อพื้นที่ด้านขวามีการป้องกันแน่นหนา พื้นที่ด้านซ้ายย่อมมีการป้องกันที่เปราะบางมากกว่า จึงควรฉวยโอกาสเปลี่ยนแกนการเล่นเพื่อมาโจมตีบริเวณที่อ่อนแอกว่าทันที....


ฝึก"Combination Play"เจาะด้านใน (ตอนที่ 2)

ภาพที่ 1

ภาพที่ 2

                                จากภาพที่ 1 และ 2 เป็นการสร้างสรรค์การเล่นให้หลากหลายเพิ่มขึ้น เพื่อทำให้คู่ต่อสู้จับทางการเล่นไม่ได้ โอกาสความได้เปรียบในเกมการเล่นจะมีมากขึ้น การเล่นแบบหลอกปล่อยผ่านทำชิ่งแล้ววิ่งย้อนกลับมาเล่น เมื่อปีกหมายเลข 7 ได้ครองบอลแต่ไม่สามารถส่งบอลผ่านแนวรับไปพื้นที่ว่างหลังแบ็คได้ กองหน้าหมายเลข 9 ต้องเคลื่อนที่เพื่อเปิดเกม โดยวิ่งกลับลงมารับบอลจากปีก เมื่อเห็นคู่ต่อสู้ตามติดมาสามารถเปลี่ยนแบบการเล่น ได้อีก โดยไม่รับบอล(ข้ามบอล ปล่อยให้ลอดขา หรือปล่อยบอลไหลผ่านตัว)ให้บอลทะลุผ่านไป กองหน้าหมายเลข 10 ต้องเข้าใจเกมวิ่งโฉบไปเอาบอล เมื่อมีคู่ต่อสู้ตามมาและเห็นว่า กองหน้าหมายเลข 9 วิ่งย้อนกลับขึ้นมาสนับสนุน ให้ส่งบอลต่อให้ทันที เพราะกองหน้าหมายเลข 9 ที่สลัดหนีตัวประกบออกมาได้และวิ่งเติมขึ้นไปรับบอลพาทะลุผ่านช่องว่างของแนวรับ  พาบอลเข้าไปยิงประตูทันที..



                            

วันอังคารที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2561



ฝึก"Combination play"เจาะด้านใน (ตอนที่ 1)

ภาพที่ 1
                                  เมื่อสถานะการณ์เปลี่ยนไป คู่ต่อสู้เสริมการป้องกันโดยขยับผู้เล่นแนวรับที่อยู่ตรงกลางออกไปทางด้านข้างเพื่อสอดซ้อนช่วยป้องกันการโจมตีทางด้านข้างเพิ่มขึ้น จึงทำให้แนวรับตรงกลางขาดความสมดุลย์ พื้นที่หน้าประตูมีที่ว่างเพิ่มมากขึ้น

 ภาพที่ 2
                                  จากภาพที่ 2 เมื่อปีกได้ครองบอลไว้ กองหน้าหมายเลข 9 จะเคลื่อนที่ออกไปยังพื้นที่ว่างทางด้านข้างหลังแบ็ค (เหมือนแบบการโจมตีทางด้านข้าง) แต่กองหลังรู้ทันจึงติดตามประกบตัวชิด ทำให้ไม่สามารถหนีห่างออกมาจากคู่ต่อสู้ได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องดึงคู่ต่อสู้ให้ติดตามมาและเปิดพื้นที่ว่างให้เพื่อนร่วมทีมเคลื่อนที่เข้ามาเล่น โดยกองหน้าหมายเลข 10 ต้องเคลื่อนที่เข้าหาพื้นที่นั้นทันที เพื่อรับบอลจากปีกหมายเลข 7 ที่ส่งมาให้ แล้วพาบอลทะลุผ่านแนวรับเข้าไปยิงประตูทันที

 ภาพที่ 3



ภาพที่ 4

                                 จากภาพที่ 3 และ 4 เมื่อปีกได้ครองบอล แต่ยังไม่สามารถส่งบอลผ่านแนวรับไปด้านหลังแบ็คได้ กองหน้าหมายเลข 9 ต้องพยายามหาโอกาสสร้างเกมรุก โดยการเคลื่อนตัวหนีคู่ต่อสู้วิ่งกลับลงมาเพื่อเปิดพื้นที่ว่างและรอรับบอลจากปีกหมายเลข 7 ที่ส่งบอลให้ แต่เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้วิ่งตามมาประกบตัวใกล้ชิดมาก กองหน้าหมายเลข 10 จะวิ่งเข้าหาบอลแต่ไม่ครอบครองบอลแต่จะวิ่งข้ามบอลหรือปล่อยให้บอลลอดขาผ่านไปเป็นการหลอกตัวประกบนั้น กองหน้าหมายเลข 10 ต้องอ่านเกมและพร้อมที่จะวิ่งหนีตัวประกบไปโฉบรับบอลที่ผ่านมา แล้วพาบอลทะลุผ่านแนวรับเข้าไปยิงประตูทันที..  

วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2561



ฝึก"Combination Play"ได้อย่างไร..!!(ตอนที่ 5)

 ภาพที่ 1

                                    จากภาพที 1  วัตถุประสงค์การเล่นยังเจาะด้านข้างเหมือนเดิม..แต่เมื่อสถานะการณ์เปลี่ยนไป รูปแบบการเล่นจะต้องปรับเปลี่ยนไปเพื่อสร้างความได้เปรียบในเกมการเล่น ดังนั้น ฝึกการอ้อมหลังขึ้นไปเล่น เมื่อกองหลังคู่ต่อสู้พยายามป้องกันโดยการเข้าประกบตัว ทั้งปีกและกองหน้าได้เร็วจนทำให้ไม่สามารถพาบอลไปทำเกมได้ ฝ่ายรุกจึงต้องเคลื่อนที่หมุนเวียนตำแหน่งเพื่อให้มีพื้นที่ว่างสร้างโอกาสในการ เจาะทะลุผ่านแนวรับไปได้..
   
ภาพที่ 2

ภาพที่ 3

                                    จากภาพที่ 2 และ 3 เมื่อกองหน้าหมายเลข 9 ได้ครองบอล แล้วส่งบอลต่อทางด้านข้างให้ปีกหมายเลข 7 แต่คู่ต่อสู้เข้าประกบตัวเร็ว จึงต้องแก้ปัญหาโดยปีกพาบอลเลี้ยงตัดเข้ามาทางด้านในเพื่อให้หลุดจากการประกบตัวของแบ็คแล้วหาจังหวะในการส่งบอลทะแยงตัดช่องว่างด้านหลังแบ็ค ให้กองหน้าหมายเลข 9 ที่เคลื่อนที่ หนีการประกบจากกองหลังออกมา สลับตำแหน่งอ้อมออกไปเล่นในพื้นที่ด้านข้างหลังแบ็คแทน แล้วพาบอลไปเปิดเกมรุกให้กองหน้าเข้าทำประตูต่อไป..

 ภาพที่ 4
                                    จากภาพที่ 4 ในบางสถานะการณ์กองหน้าอยู่ห่างจากด้านข้างไม่สามารถมาอ้อมหลังปีกได้ ควรจะปรับการเล่น โดยให้กองกลางเคลื่อนที่อ้อมแบ็คขึ้นไปทำเกมแทน

 ภาพที่ 5

 ภาพที่ 6

                                    จากภาพที่ 5 และ 6 เมื่อปีกหมายเลข 7 ได้รับบอลแล้วพาบอลหลบเข้ามาด้านใน รอจังหวะที่กองกลางวิ่งอ้อมหลังปีก เติมขึ้นไปด้านข้าง เพื่อรับบอลที่ปีกส่งตัดช่องว่างทะลุแนวรับมาให้ ทำเกมรุกกดดันแล้วเปิดบอลให้กองหน้าที่หมุนเวียนตำแหน่งเข้าไปยิงประตูทันที..

วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2561



ฝึก"Combination Play"ได้อย่างไร..!!(ตอนที่ 4)
 
 ภาพที่1

 ภาพที่ 2

                                      จากภาพที่ 1และ 2 สืบเนื่องจากตอนที่ผ่านมา เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปปีกหมายเลข 7 ได้รับบอลแล้วแต่ถูกแบ็คเข้าประกบประชิด และพื้นที่ด้านหลังแนวรับมีพื้นที่ว่าง ปีกไม่ควรเก็บบอล ควรส่งคืนให้ผู้หมายเลข 8 ที่ประคองอยู่ด้านหลัง เพื่อให้ส่งบอลข้ามแนวรับไปยังพื้นที่ว่างให้กองหน้าที่หมายเลข 9 ที่เคลื่อนตัวหนีการประกบลงมาแล้ววิ่งตัดแนวรับทะลุขึ้นไป สร้างเกมกดดันและเปิดบอลให้กองหน้าหมายเลข 10 และ 8 ที่เคลื่อนที่หมุนเวียนตำแหน่งกันเข้าทำประตู ส่วนปีกหมายเลข 7 ต้องเคลื่อนที่เข้ามาด้านในเป็นแถว 2 คอยให้การสนับสนุนต่อไป
 ภาพที่ 3

ภาพที่ 4

                              จากภาพที่ 3 และ 4 ในสถานะการณ์ที่คล้ายกัน เมื่อปีกถูกประกบชิดมา และกองหน้าหมายเลข 9 เคลื่อนตัวลงมารับบอล แต่ถูกกองหลังเข้าประกบตัวเร็วไม่สามารถทำเกมได้ ดังนั้นควรส่งบอลกลับคืนมาด้านหลังให้หมายเลข 8 เพื่อส่งบอลข้ามแนวรับไปสู่พื้นที่ว่างหลังแนวรับให้ปีกหมายเลข 7 ที่วิ่งทะลุผ่านแนวรับไปสร้างเกมและเปิดบอลให้กองหน้าที่เคลื่อนตัวสลับตำแหน่งกันเข้าทำประตู ส่วนหมายเลข 8 ต้องเคลื่อนที่เติมขึ้นไปสนับสนุนการเล่นเป็นแถว 2 เช่นเคย..

วันพฤหัสบดีที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2561



ฝึก "Combination Play" ได้อย่างไร..!!(ตอนที่ 3)

ภาพที่ 1

ภาพที่ 2

                                  จากภาพที่ 1 การฝึกเกมรุกทางด้านข้างเหมือนเดิม แต่สถานการณ์เปลี่ยนรูปแบบการเล่นก็จะเปลี่ยนไป ผู้เล่นหมายเลข 8 ไม่สามารถส่งบอลให้ปีกหมายเลข 7 ได้เพราะคู่ต่อสู้ประกบตัวใกล้ ดังนั้นกองหน้าหมายเลข 9 ต้องหนีตัวลงมารับบอลแทน เพื่อหาโอกาศเจาะแนวรับโดยการทำชิ่งแบบให้กองหน้าทะลุขึ้นไป เป็นการปรับเปลี่ยนการเล่นตามสถานะการณ์ที่พบ ดังภาพที่ 2

ภาพที่ 3

                              จากภาพที่ 3 เป็นสถานะการณ์ต่อเนื่อง เมื่อกองหน้าหมายเลข 9 วิ่งทะลุผ่านแนวรับไปรับบอลแล้วพาบอลไปสร้างความกดดันพื้นที่ด้านข้าง แล้วหาโอกาสเปิดบอลเข้าหน้าประตูให้กองหน้าหมายเลข 10 และ 8 ที่หมุนเวียนเปลี่ยนตำแหน่งเข้ายิงประตู ส่วนปีกหมายเลข 7 ต้องเคลื่อนตัวเข้ามาเป็นแถว 2 ประคองสนับสนุนด้านในทันทีเป็นต้น...


ฝึก"Combination Play"ได้อย่างไร..!!(ตอนที่ 2)

ภาพที่ 1
 
ภาพที่ 2

                                    จากภาพที่ 1 และ 2...ความเดิมจากตอนที่แล้ว  แบบฝึกสร้างความสัมพันธ์ในการเล่นโดยการเปิดเกมรุกทางด้านข้างนั้น ปีกหมายเลข 7 ส่งบอลทะลุผ่านแนวรับทั้งทางด้านนอกหรือด้านในไปได้นั้น เพราะสถานะการณ์นี้ แนวรับเปิดพื้นที่ว่างด้านหลังไว้ และกองหน้าหมายเลข 9 มีโอกาสเคลื่อนที่ตัดแนวรับไปรับบอลได้ง่าย 


 ภาพที่ 3

ภาพที่ 4

                                  จากภาพที่ 3 และ 4 แบบฝึกเน้นเปิดเกมรุกทางด้านข้างเหมือนเดิม แต่สถานะการณ์เปลี่ยน เนื่องจากแบ็คเคลื่อนตัวมาประชิดปิดทางการส่งบอล ดังนั้นผู้เล่นกองหน้าหมายเลข 9 ต้องเคลื่อนตัวย้อนกลับเข้ามาช่วยรับบอลจากปีกหมายเลข 7 แล้วส่งบอลแบบทำชิ่งคืนให้หมายเลข 7 ที่วิ่งทะลุผ่านแนวรับขึ้นไปเล่นบอลในพื้นที่ด้านหลังแบ็คแล้วพาบอลไปเพื่อเปิดบอลให้กองหน้าที่เคลื่อนที่สลับตำแหน่งกันเข้าทำประตู ส่วนหมายเลข 8 จะเคลื่อนที่เตตาม เติมขึ้นไปประคอง คอยสนับสนุน ช่วยเหลือเป็นแนวรุกแถวที่ 2 ต่อไป
                                  สถานการณ์นี้ การเล่นโดยการทำชิ่งผ่านให้ปีกทะลุขึ้นไปเพื่อทำเกมรุก จะเป็นวิธีการเล่นที่เหมาะสมที่สุดในขณะนี้ และฝ่ายรุกแต่ละคนจะมีบทบาทหน้าที่เฉพาะทั้งวิ่งเปิดทางรับบอล ส่งบอล และเคลื่อนที่สลับตำแหน่งกันเพื่อสร้างโอกาสในเกมรุกให้ได้มากที่สุดเป็นต้น..




วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2561



ฝึก "combination play" ได้อย่างไร.!! (ตอนที่ 1)

ภาพจาก www.crowhillgallerycp.com

                                  แนวคิดในการกำหนดรูปแบบการฝึกให้นักฟุตบอลในทีม เพื่อให้สามารถเล่นด้วยกันได้อย่างเหมาะสมกับสถานะการณ์ต่างๆ และเล่นสัมพันธ์กันได้ดีนั้น จะขึ้นอยู่ที่ศักยภาพความคิดสร้างสรรค์ของโค้ช ว่าจะออกแบบแทคติกการเล่นให้ทีมอย่างไร แล้วมาจัดรูปแบบในการฝึกให้นักฟุตบอลเพื่อทำการฝึกซ้อม ให้เกิดความเข้าใจและเล่นด้วยกันอย่างประสานสัมพันธ์กันได้อย่างดี..
                               โค้ชที่ต้องการฝึก "combination play" เพื่อสร้างผู้เล่นให้มีความสัมพันธ์ในการเล่นเกมที่ต้องการมากยิ่งขึ้นนั้น จะต้องคำนึงถึงองค์ประกอบต่อไปนี้....
                               1. กำหนดวัตถุประสงค์การฝึก ว่าจะทำ ทำไม
                                 2. ทำอย่างไร
                                 3. ทำที่ไหน
                                 4. ทำเมื่อไหร่
                                 5. ใครเป็นคนทำ
                                 6. ประเมินผลสัมฤทธ์การกระทำ
                                 7. ปรับปรุงรูปแบบ/กระทำการฝึกซ้ำใหม่
                               ตัวอย่างการฝึกเพื่อสร้างความสัมพันธ์ในการเล่นเกมรุกทางด้านข้าง.... 

 ภาพที่ 1

ภาพที่ 2

                               จากภาพที่ 1 และ 2 ฝึกสร้างความสัมพันธ์สร้างเกมทางด้านข้าง
                                 1. ต้องการเปิดเกมรุกกดดันทางด้านข้าง โจมตีผ่านแนวป้องกันเพื่อดึงผู้เล่นแนวรับที่อยู่ตรงกลางให้เคลื่อนออกมาป้องกัน แนวรับที่อยู่บริเวณหน้าประตูจะถูกขยายออกมาทำให้มีพื้นที่ว่างในการเข้าทำประตูเพิ่มมากขึ้น
                                 2. ทำเกมเจาะทะลุแนวรับ โดยการส่งบอลทะลุผ่านระหว่างแนวรับไป
                                 3. ทำที่ด้านข้างทะลุผ่านแนวรับไปสู่พื้นที่ด้านหลังแบ็ค
                                 4. ทำเมื่อปีกได้ครองบอล และเห็นว่าพื้นที่ด้านหลังแบ็คมีพื้นที่ว่าง
                                 5. ปีกหมายเลข 7 เป็นผู้ส่งบอลทะลุช่องว่างแนวรับ ให้ผู้เล่นกองหน้าหมายเลข 9 วิ่งตัดทะแยงแนวมุมธงทะลุแนวผ่านรับไปรับบอล เพื่อหาโอกาสเปิดบอลเข้ามาบริเวณหน้าประตู ให้เพื่อนร่วมทีมที่หมุนเวียนตำแหน่งเข้าทำประตู
                                 6. ประเมินผลการปฎิบัติว่าเหมาะสมถูกต้องตามวัตถุประสงค์การฝึกหรือไม่
                                 7. ทบทวนหรือปรับให้เหมาะสมสัมพันธ์/ฝึกซ้ำเพื่อความเข้าใจและชำนาญ
                               ซึ้งจะเห็นได้ว่าผู้เล่นแต่ละคนจะต้องมีความเข้าใจว่า สถานะการณ์แบบนี้ทีมของเราจะเล่นแบบนี้เท่านั้น แต่ละคนจะมีหน้าที่เฉพาะตัว ไม่ว่าจะส่งบอล หรือเคลื่อนที่ไปรับบอลและหมุนเวียนตำแหน่งช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกัน ถ้าฝึกซ้อมกันบ่อยๆจะทำให้ผู้เล่นทุกคนเล่นกันด้วยความสัมพันธ์และมีความแม่นยำแน่นนอนมากยิ่งขึ้นเป็นต้น...

วันเสาร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2561



ทำไมต้องเน้น.."combination play"

ภาพจาก www.fpsthailand.com

                                    เกมการแข่งขันฟุตบอลจะเห็นว่าบางทีมมีรูปแบบการเล่นหลายอย่าง และสร้างความโดดเด่นของทีมมากขึ้น ทำให้ทีมมีโอกาสในการเก็บชัยชนะเหนือทีมคู่ต่อสู้ได้ไม่ยาก ที่เป็นเช่นนั้นเพราะทีมดังกล่าวมีระบบ รูปแบบ วิธีการเล่นเฉพาะของทีม และที่สำคัญผู้เล่นในทีมสามารถเล่นกันแบบประสานสัมพันธ์กันได้อย่างดีเป็นต้น
                                   การฝึกซ้อมแบบ "combination play" จะเป็นตัวช่วยที่สำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถเล่นด้วยกันอย่างมีรูปแบบและสัมพันธ์กันมากขึ้น..
                                ทำไมจึงต้องเน้น.."combination play"..
                               1.สร้างความเข้าใจของผู้เล่นในทีมให้เป็นหนึ่งเดียว
                               2.สร้างแนวคิดและวิธีการเล่นในสถานะการณ์ต่างๆให้เหมาะสม
                               3.ช่วยกำหนดบทบาทหน้าที่ของผู้เล่นแต่ละคนไว้ชัดเจน
                               4.สร้างความสัมพันธ์ในการเล่นของผู้เล่นเป็นกลุ่ม และทั้งทีม
                               5.เป็นแทคติกการเล่นเฉพาะกลุ่ม และทีม
                               6.เป็นการเตรียมความพร้อมให้ผู้เล่นเมื่อเกมเปลี่ยนจากรุกเป็นรับหรือ                                   สลับกัน
                              การฝึกซ้อมแบบนี้จะช่วยให้ผู้เล่นของทีมมีความเข้าใจเกมการเล่นมากขึ้น มีการสนับสนุน มีการเคลื่อนที่เปิดช่องทางการเล่น และหมุนเวียนเปลี่ยนตำแหน่ง สอดซ้อนช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้อย่างสัมพันธ์กันมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ทีม มีศักยภาพในการเล่นเพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกด้วย....