วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2562



แนวทางการฝึกนักกีฬาสู่ความยอดเยี่ยม
 
ภาพจาก www.Bloggang.com

                                   คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่านักกีฬาที่เก่งๆนั้นมาจากพรสวรรค์ (Gifted) ความคิดเห็นนี้ถูกต้อง แต่ถูกเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นซึ่งอาจจะเพียง 20-30 เปอร์เซ็นท์เท่านั้น....เพราะถ้าพิจารณาตามความเป็นจริงจะเห็นว่า มนุษย์ที่เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์และเติบโตขึ้นมา แล้วเดินตามฝันทำในสิ่งที่เขาถนัด ทั้งๆที่มีโอกาสเรียนหรือฝึกน้อยมากแต่ก็ประสพความสำเร็จได้นั้น มีให้เห็นได้เพียงจำนวนหนึ่งและมีน้อยมาก   ซึ่งบุคคลเหล่านี้ได้แก่.. พวกอัจฉริยะ (Genius)     แต่อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นท์ คือมีพรแสวง ซึ่งต้องมีความมุ่งมั่นตั้งใจเรียนรู้และฝึกฝนอย่างหนักแล้วจึงประสพความสำเร็จได้เช่นกัน ซึ่งมีให้เห็นจำนวนมากทีเดียว บุคคลเหล่านี้ได้แก่..พวกความสามารถพิเศษ(Talent) หรือมีความสามารถยอดเยี่ยม (Expert Performance)...ถ้าพวกอัจฉริยะได้มีโอกาสเติมพรแสวงเข้าไปด้วยแล้วจะช่วยให้บุคคลเหล่านี้เป็น...สุดยอดของโลก (Super Genius) ในด้านนั้นอย่างแน่นอน


ภาพจาก www.goal.com

                                      นายแพทย์เชิดศักดิ์ ไอรมณีรัตน์ ได้เขียนเอกสารประกอบคำบรรยายในหัวข้อ"การพัฒนาทักษะผ่านกระบวนการฝึกฝนอย่างตั้งใจ (Deliberate Practice)" โดยได้ศึกษาค้นคว้าสาระจากเอกสารตำราจากต่างประเทศแล้วสุรปสาระสำคัญไว้ ซึ่งในบางส่วนเป็นประโยชน์นำมาใช้ในการพัฒนานักกีฬาได้...ผู้เขียนเห็นว่าวิธีการบางอย่างที่เคยทำอยู่แล้วเกิดผลดีซึ่งมีความสอดคล้องกับหลักการระดับสากลที่ใช้กันอยู่ นั่นก็แสดงว่าหลักการดังกล่าวมีประโยชน์ต่อการฝึกซ้อมกีฬาด้วย จึงอยากจะนำเสนอสาระบางส่วนที่มีประโยชน์ให้ทราบดังนี้...
                              Vince Lombardi ได้ให้ข้อคิดไว้ว่า  "Practice does't make perfect ...Perfet practice makes perfect." การฝึกนั้นไม่สามารถทำให้การพัฒนาได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่การฝึกที่สมบูรณ์แบบจะทำให้ผลการพัฒนามีความสมบูรณ์แบบได้..
  
                             แนวทางการฝึกเพื่อพัฒนานักกีฬาสู่ความยอดเยี่ยม (Talent)
                              1.แบ่งทักษะที่ซับซ้อนออกเป็นทักษะย่อยๆ
                              2.ฝึกด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างถูกต้องไม่เร่งรีบ
                              3.ฝึกซ้ำๆในระดับทักษะที่เหมาะสม
                              4.ประเมินผลการฝึก
                          1.แบ่งทักษะที่ซับซ้อนออกเป็นทักษะย่อยๆ เพื่อมีขั้นตอนในการปฏิบัติที่ถูกต้อง ทำให้ผู้รับการฝึกรู้ว่าต้องทำอะไรก่อนหลังและทำอย่างไร ซึ่งจะทำให้สามารถเรียนรู้เข้าใจและจดจำได้ง่ายมากขึ้น
                           2.ฝึกด้วยความมุ่งมั้นตั้งใจอย่างถูกต้องไม่เร่งรีบ ส่งเสริมให้ผู้รับการฝึกมีสมาธิตั้งใจฝึกอย่างจริงจังทีละขั้นจะทำให้มีทักษะที่ดีหรือแน่นติดตัวไป ไม่ควรใจร้อนร่งรีบฝึกข้ามขั้นตอน
                           3.ฝึกซ้ำๆในระดับทักษะที่เหมาะสม ควรจักกิจกรรมการฝึกที่ไม่ง่ายหรือยากเกินไปเพราะจะไม่เกิดการพัฒนา ต้องจัดกิจกรรมที่ท้าทายเพื่อส่งเสริมให้มีความพยายาม การพัฒนาจึงจะเพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสมตามระดับความสามารถในแต่ละช่วง
                           4.ประเมินผลการฝึก ต้องประเมินผลการฝึกโดยเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนดไว้ หรือสามารถนำไปใช้ได้ถูกต้องเหมาะสมกับสถานะการณ์ต่างๆได้  ทั้งโค้ชและนักกีฬาต้องทบทวนกระบวนการปฏิบัตินั้นว่ายังมีจุดใดบ้างที่ยังทำได้ไม่ถูกต้องหรือไม่ดี แล้วจึงมาวางแผนการปรับแก้ให้ถูกต้องแล้วฝึกซ้ำจนทำได้อย่างถูกต้องต่อไป..เป็นต้น
                               จงอย่าลืมว่าผู้ที่มีพรสวรรค์แล้วลืมตัวหรือมั่นใจว่าเก่งเหนือคนอื่นแล้วขาดการฝึกซ้อมอย่างจริงจัง เท่ากับย่ำอยู่กับที่ ซึ่งผิดกับผู้มีพรแสวงที่มุ่งมั่นตั้งใจฝึกซ้อมอย่างจริงจังจะพัฒนาก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ มีความรู้และเข้าใจรวมทั้งมีประสบการณ์มากขึ้นจะทำให้พัฒนาความสามารถตามได้ทันและก้าวหน้าแซงผ่านไปได้อย่างแน่นอน....


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น